นักวิชาการ หวั่นเสียง ส.ว.โหวต ‘เศรษฐา’ ไม่มาตามนัด เสี่ยงเปิดโอกาส ‘บิ๊กป้อม’ รับไม้ต่อ

นักวิชาการ หวั่นเสียง ส.ว.โหวต ‘เศรษฐา’ ไม่มาตามนัด เป็นไปได้ ‘บิ๊กป้อม’ รับไม้ต่อ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการโหวตนายกฯที่จะเกิดขึ้นหลังพรรคเพื่อไทยดึงพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมว่า การโหวตที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม โอกาสที่จะโหวตผ่านก็ยัง 50 ต่อ 50 และไม่มั่นใจว่าจะโหวตได้หรือไม่ เพราะว่าในวันนั้นอาจมีเกมการเมืองในสภาเกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาพูดถึงและการจะขอให้มีการทบทวนมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ก็มีความเป็นไปได้ รวมทั้งอาจเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่การปิดประชุม

นายยุทธพรกล่าวว่า อย่างไรก็ดี เสียงของ ส.ส.ที่จะมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในขณะนี้น่าจะมีการโหวตให้กับแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยครบทั้งหมด แต่จุดที่ต้องจับตาคือเสียงของ ส.ว.จะมาสนับสนุนหรือไม่ ถ้าวันนี้มีพรรคของ 2 ลุงเข้ามาครบถ้วน หรือมาเพียง 1 พรรค ก็จะมีโอกาสได้เสียง ส.ว. ก็จะได้ตัวเลข 376 แต่ตนยังไม่มั่นใจว่าเสียง ส.ว.จะได้ตามนั้นหรือไม่ เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่างสำหรับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะถ้ามีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็จะมีประเด็นที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาโจมตี ซึ่งจะต้องชี้แจงสังคม และมีประเด็นในเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะปิดโอกาสพรรคเพื่อไทย หลายคนอาจมองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตัดโอกาสของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล ซึ่งตนมองว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นแรงกดดันต่อพรรคเพื่อไทยด้วย จะทำให้การโหวตนายกฯของพรรคเพื่อไทยสามารถโหวตเคนดิเดต 1 คน ได้เพียงหนึ่งครั้ง ดังนั้น เมื่อมีกระบวนการที่จะกดดันพรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

นายยุทธพรยังเห็นว่า แคนดิเดตนายกฯทั้ง 9 คน ใช้งานได้เพียง 4 คน คือ 2 คนจากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และอีก 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคพรรคภูมิใจไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น ถ้านายเศรษฐาโหวตไม่ผ่าน โอกาสที่จะเป็น น.ส.แพทองธารก็ยังไม่แน่นอน ซึ่งอาจไม่มีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธารในสถานการณ์เช่นนี้ โอกาสที่ตำแหน่งนายกฯจะไหลไปสู่ขั้วอำนาจเดิมมีความเป็นไปได้สูง นอกจากนี้ ในส่วนของพรรคร่วมจัดตั้งเดิม 8 พรรค

ADVERTISMENT

“พรรคเพื่อไทยอาจถือว่าเป็นแกนนำที่ไม่ได้นำจริงๆ เพราะสุดท้ายพรรคเพื่อไทยจะต้องยอมรับทุกเงื่อนไข และยอมรับทุกอย่างที่เป็นการต่อรอง และเรื่องโควต้ารัฐมนตรี รวมทั้งเผชิญกับการเมืองที่มาจาก 250 ส.ว. เพราะมี ส.ว.ส่วนหนึ่งที่ตั้งประเด็นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองของนายเศรษฐา อีกทั้งการเมืองจาก 8 พรรคร่วมเดิมโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ซึ่งวันนี้พรรคก้าวไกลชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจมีประเด็นที่เรื่องที่นายพิธาจะไม่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเกมก้าวไกลที่จะกดดันเพื่อไทยให้ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขจากมติศาลรัฐธรรมนูญ และมติของสภาที่ห้ามโหวตซ้ำ ผมจึงยังไม่มั่นใจว่าการโหวตในวันที่ 22 สิงหาคม จะมีนายกฯที่ชื่อนายเศรษฐาหรือไม่” นายยุทธพรกล่าว

นายยุทธพรกล่าวอีกว่า การเดินหน้าของพรรคเพื่อไทยเป็นการตอบโจทย์ถูก แต่ตั้งโจทย์ผิด เพราะเพื่อไทยตอบโจทย์ถูกในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล แต่โจทย์ที่ถูกต้องสำหรับเพื่อไทยคือการฟื้นคืนความเชื่อมั่นจากประชาชนที่พรรคเพื่อไทยกำลังล้มละลายทางความเชื่อถือ ถ้ามองระยะยาวอยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนจุดยืนและโจทย์ทางการเมืองที่ถูกต้อง

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ถ้า 2 ลุงสนับสนุนและสั่งให้ ส.ว.โหวตหนุนนายเศรษฐา นายยุทธพรเห็นว่า หากพรรค 2 ลุงมาด้วยความจริงใจ ไม่ว่าลุงคนใดคนหนึ่ง หรือ 2 ลุง โอกาสที่เราจะได้เห็นเสียงจาก ส.ว.มาสนับสนุนอย่างน้อย 100 เสียง เป็นไปได้ จะทำให้เสียงมีถึง 314 เมื่อรวมพรรคเล็กจะได้ 315 และบวกกับ 100 เสียง ส.ว.จะได้ 415 ซึ่งจะเกินว่า 376 เสียง

ถามต่อว่า จะมีเกมบีบให้ไปถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายยุทธพรกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เพราะจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราถึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่อยู่สมการการเมืองนี้แล้ว

ส่วนประเมินได้หรือไม่ว่าเราจะมีนายกฯในเร็วๆ นี้ นายยุทธพรกล่าวว่า ไม่เร็วกว่าเดือนสิงหาคม เพราะถ้าทุกอย่างลงตัว โอกาสในการเลือกนายกฯคงจะเรียบร้อยในระยะหนึ่งแล้ว แต่วันนี้สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองในภาวะไม่ปกติ ขณะนี้ยังมีความไม่ลงตัว โอกาสที่จะเห็นความยืดเยื้อในการเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลต้องตอบโจทย์ใน 4 เรื่อง คือเสียงของประชาชนที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้ง การประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และความคาดหวังของประชาชนกับภาพการเมืองที่จะเกิดขึ้นจริง ซึ่งการไม่เป็นไปตามผลการเลือกตั้งทำให้ไม่เกิดความสมดุลทางการเมือง จึงส่งกระทบต่อการโหวตนายกฯและจัดตั้งรัฐบาล

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image