ปธ.กกต.เผย สัปดาห์หน้านัดผู้ว่าฯ-นายอำเภอทั่วประเทศ ซักซ้อมเลือกสว. มั่นใจกม.คุมเข้มช่วยสกัดฮั้ว น้อมรับเสียงติงค้านระเบียบแนะนำตัว
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในการจับสลากเพื่อแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด 77 จังหวัด จำนวน 423 คน ว่า การจับสลากเพื่อแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ เพื่อรองรับพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกส.ว. ช่วงนี้จะมีการอบรมผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำภูมิภาคต่างๆโดยสัปดาห์ที่แล้วได้ไปพูดคุยกับผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยได้ย้ำถึงหน้าที่ต่างๆเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยขอให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งลงพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อไปคุยกับเครือข่ายกกต.ในพื้นที่ ซึ่งได้แก่กรรมการศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยประจำตำบล โดยบุคลากรเหล่านี้จะสามารถช่วยผู้ตรวจการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งในหมู่บ้านไม่ขายเสียงซึ่งมี 10,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ เข้ามาช่วยสอดส่องดูแล
นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกันกับ 4 ประสานต้านทุจริต ประกอบด้วย ผู้ตรวจการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน และกกต. รวมทั้งมีองค์กรเอกชนร่วมสนใจเข้ามาช่วยเหลือตรวจสอบการเลือกด้วย ซึ่งการร่วมกันทำงานจะช่วยป้องกันการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายได้
“ตอนนี้พร้อมทั้งงบประมาณ บุคลากร และเอกสาร ล่าสุดที่ทำเสร็จแล้วคือระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวผู้สมัครส.ว.ระเบียบดังกล่าวเขียนไว้ชัดเจนว่า ผู้ประสงค์จะลงสมัครสามารถแนะนำตัวตามวิธีการที่ระบุในระเบียบได้ และสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกจังหวัด และกระทรวงมหาดไทย เพื่อซักซ้อมความเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้”
ส่วนมาตรการป้องกันการฮั้วในช่วงที่มีการเลือกสว. นายอิทธิพร กล่าวว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกส.ว. ได้ออกแบบกำหนดให้มีค่าสมัคร 2,500 บาท จะทำให้มาตรการการฮั้ว ต้องใช้คนและเงินเป็นจำนวนมาก อาจจะไม่ได้ทำได้ง่าย นอกจากนี้การเลือกแบบไขว้จะเป็นการยากที่คาดคะเนได้ว่าใครอยู่กับพวกเรา หวังว่าจะสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง อีกหนึ่งกลไกคือการประชาสัมพันธ์กับประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกส.ว.ครัังนี้ ข้อมูลข่าวสารที่มาแจ้งกับกกต.นำมาสู่การตัดสินลงโทษโดยศาล จะมีโอกาสได้รับเงินรางวัลสูงสุดจำนวน 1 ล้านบาท
อีกทั้งมีผู้ตรวจการเลือกตั้งคอยสอดส่อง ด้วยกลไกเหล่านี้หวังว่าจะช่วยป้องกันป้องปรามการกระทำความผิดได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่ดีที่สุดคือการใช้ความสุจริตในการเลือกอย่าไปแทรกแซงผู้สมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีว่าที่ผู้สมัครส.ว.บางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวผู้สมัครส.ว. เพราะประชาชนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ได้ว่าใครจะมาเป็นผู้สมัคร นายอิทธิพร กล่าวว่า เมื่อระเบียบออกมาแล้วมีเสียงสะท้อนว่าควรจะปรับปรุงอะไรพร้อมที่จะรับฟัง โดยการประชุมกกต.ในสัปดาห์นี้ได้ให้สำนักงานฯไปรวบรวมความเห็นเหล่านั้นมาและมาประมวลเพื่อเสนอว่าประเด็นใดที่ควรจะปรับแก้ หรือประเด็นใดที่ควรจะยืนไว้ตามเดิม ส่วนประชาชนจะมีโอกาสได้รับรู้ว่าใครเป็นผู้สมัคร มีมาตรการรองรับแล้วว่าเมื่อมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดทั่วประเทศใน 928 อำเภอ จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใส่ในเว็บไซต์ของกกต.หรือในแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโหวต ซึ่งประชาชนก็จะมีโอกาสเห็นว่าอำเภอไหนใครเป็นผู้สมัคร สมัครกลุ่มใด ซึ่งมีภาพ รายชื่อ ประวัติ ประสบการณ์ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่มีครบ
ส่วนที่มีว่าที่ผู้สมัครส.ว.ไม่เห็นด้วยกับบทลงโทษ นายอิทธิพร กล่าวว่า มีการกำหนดโทษตามระดับการกระทำความผิด ซึ่งจะเทียบเคียงกับความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ซึ่งคนที่จะชี้โทษคือศาล เพราะฉะนั้นการออกแบบกฎหมายที่กำหนดโทษโดยการฝ่าฝืนไว้ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกส.ว. ได้คำนึงถึงความเหมาะสมไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีว่าที่ผู้สมัครได้มีการร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนระเบียบกกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกส.ว.พร้อมขอความคุ้มครองชั่วคราว.นายอิทธิพร กล่าวว่า กกต.ต้องเดินหน้าไปก่อน แต่ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยเป็นในทิศทางใดก็ต้องดูว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ ทั้งนี้เป็นสิทธิของประชาชนที่จะออกมาขอให้ศาลพิจารณาความเหมาะสมความถูกต้องซึ่งเป็นเรื่องปกติซึ่งเราเข้าใจดีแต่เราก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงออกมาแบบนั้น และกระบวนการของเราก็ไม่ได้อยู่อยู่ที่ว่าออกมาแล้วไม่ฟังใครเพราะเราต้องฟังอยู่และกำลังที่จะนำเรื่องที่ประชาชนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความเห็นมาพิจารณาอีกรอบหนึ่งในการประชุมครั้งหน้าซึ่งเราก็ทำงานอย่างดีที่สุดไม่ใช่ว่าออกไปแล้วแก้ไม่ได้คงไม่ใช่
