มทภ.4 สั่งสอบผู้เกี่ยวข้อง หลัง 2 พลทหารที่ทำร้ายเด็ก 15 ปี แอบโพสต์ภาพ/ข้อความ ท้าทายลง IG ขณะคุมขัง สร้างความเสื่อมเสียให้กับกองทัพ
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยถึงกรณีที่พลทหาร รพีภัทร สาแหละ และพลทหาร อาศิษ โอฐภิบาล สังกัด มทบ.41 ก่อเหตุร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายเด็กชาย อายุ 15 ปี เมื่อ 3 พ.ค.67 ในพื้นที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 ได้ควบคุมตัวพลทหารทั้ง 2 นายไว้ที่กองรักษาการณ์ ค่ายวชิราวุธ และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงทัณฑ์ทางวินัย และคดีอาญาตามกรอบของกฎหมาย
จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นอีกครั้ง เมื่อพลทหาร รพีภัทรได้โพสต์ภาพตนเองและพลทหาร อาศิษจากในขณะถูกคุมขังลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความ “แท้ไม่แท้แลกันตอนจบ” ซึ่งสร้างความไม่สบายใจกับทุกฝ่าย จนเกิดเป็นกระแสสังคม และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67
โดย ผบ.กองรักษาการณ์ แจ้งว่า พลทหาร รพีภัทร ขออนุญาตใช้โทรศัพท์ติดต่อกับญาติ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนเองถูกควบคุมตัวอยู่ ตนจึงนำโทรศัพท์มือถือที่ยึดไว้มามอบให้ใช้เป็นการชั่วคราว จากนั้นเวลาล่วงเลยไปตนจึงลืมยึดโทรศัพท์มือถือคืนจากพลทหาร รพีภัทร จากนั้นเจ้าตัวได้ให้รุ่นน้องที่เข้าเวรอยู่บันทึกภาพให้ และโพสต์ลงอินสตาแกรมตามที่ปรากฏภาพข่าว
ทาง พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้มอบหมายให้รองแม่ทัพภาคที่ 4 ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด โดยได้สั่งสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
โดยในวันนี้ พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กองรักษาการณ์ ค่ายวชิราวุธ พร้อมสั่งการให้สวบสวนและลงทัณฑ์ผู้เกี่ยวข้องโดยเร็ว ซึ่งถือเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์และผู้เกี่ยวข้องที่ไม่กำกับดูแลและไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบที่ต้องปฏิบัติในการคุมขังผู้กระทำความผิด สำหรับพื้นที่กองรักษาการณ์ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมตัวสำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาโทษตามวินัยทหาร เพื่อส่งเข้าเรือนจำประจำมณฑลทหารบกในพื้นที่นั้นๆ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 41 จัดผู้บังคับบัญชาเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเด็กชายอายุ 15 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บ และชี้แจงทำความเข้าใจกับครอบครัวและรับรองในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อให้เกิดความสบายใจ สำหรับเรื่องของคดีความให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“กองทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมนี้ และยืนยันว่าจะลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ละเลยระเบียบที่พึงปฏิบัติจนสร้างความเสื่อมเสียให้กับกองทัพในภาพรวม รวมไปถึงจะได้เน้นย้ำและกวดขันให้เจ้าหน้าที่ยึดถือปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับของกองทัพบกที่กำหนดอย่างเคร่งครัดต่อไป” พ.อ.วัชรกรกล่าว
