ปิดตำนานกว่า 20 ปี อนุทินเซ็นคืนชายหาดเลพัง ที่สาธารณประโยชน์ หลังต่อสู้ยืดเยื้อกับผู้บุกรุก

‘อนุทิน’ เซ็นประกาศคืนชายหาดเลพัง ปิดตำนานกว่า 20 ปี หลังกรมที่ดินต่อสู้ยืดเยื้อกับผู้บุกรุก พร้อมคืนพื้นที่สาธารณะให้ชาวภูเก็ต ติดตามภัยแล้งตรวจระบบประปา สร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านมีน้ำใช้แน่นอน

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่บริเวณชายหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดกิจกรรม “มหาดไทย มอบความสุข คืนชายหาดเลพัง ให้ชาวภูเก็ต” พร้อมเซ็นประกาศสงวนหวงห้ามที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมี นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารกรมที่ดิน หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ร่วมพิธี

นายอนุทินกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตที่จะได้ใช้ประโยชน์ในชายหาดเลพังร่วมกัน แม้จะเป็นงานยากและต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อผลักดันกระบวนการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ แถมยังเป็นภารกิจสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ซึ่งการจัดการเอกสารสิทธิในที่ดินเป็นความสำคัญลำดับต้นๆ ของกรมที่ดินที่ต้องเร่งพิจารณา “ทำสิ่งถูกต้อง กำจัดสิ่งที่ผิด” ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินให้รวดเร็วและถูกต้อง

Advertisement

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า ข้อมูลด้านที่ดินจะต้องได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อเอื้อต่อการจัดที่ดินทำกินให้กับประชาชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สิ่งเหล่านี้คือภารกิจสำคัญของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ในการดูแลพี่น้องประชาชนดูแลสิทธิและประโยชน์เพื่อไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในการทำงานภายใต้ความรับผิดชอบของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย

“ขอให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่สุดท้ายที่จะเกิดปัญหาลักษณะแบบนี้ ถ้ามีเหตุต้องสงสัยกรมที่ดินต้องเป็นคนพิสูจน์ไม่ใช่พี่น้องประชาชนเป็นคนพิสูจน์ นี่คือสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยจะพึงปฏิบัติต่อไป หากพิสูจน์แล้วบอกว่าผิดก็ต้องถอนโฉนด ตรงนี้ผมมองว่าแฟร์ แต่เราจะไม่ยอมให้มีใครมาคุกคาม ข่มขู่ หรือลิดรอนสิทธิท่านอีกต่อไป” นายอนุทินกล่าว

ด้านอธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่า เมื่อปี 2544 องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลแจ้งความประสงค์ต่อนายอำเภอถลางขอสงวนที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่รกร้างว่างเปล่าบริเวณหาดเลพัง หมู่ 4 และ หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อให้เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ซึ่งอำเภอได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่าที่ดินที่ขอสงวนเป็นที่รกร้างว่างเปล่ามีต้นสนทะเลขึ้นตลอดแนว และในระวางรูปถ่ายทางอากาศที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2521 ไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินแต่อย่างใด อำเภอถลางเห็นว่าการสงวนที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน หากปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกเข้ายึดถือครอบครองจะเป็นเหตุให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ที่ชายหาดได้

Advertisement

“กรมที่ดินพิจารณาแล้วเห็นสมควรสงวนหวงห้ามที่ดินบริเวณชายหาดเลพัง หมู่ 4 และ หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 172-3-18 ไร่ เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงได้เสนอคณะกรรมการจัดที่ดินพิจารณา โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบการสงวนหวงห้ามที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันบริเวณชายหาดเลพังตำบลเชิงทะเล และ รมว.มหาดไทยได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการจัดที่ดิน เรื่อง การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน วันที่ 17 เม.ย.2567 มีผลทำให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน” นายอนุทินกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทินและคณะลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาภูเก็ต ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภาไป จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่
โดย นายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. รายงานสถานการณ์น้ำ กล่าวว่า ปี 2567 ประเทศไทยประสบกับสถานการณ์เอลนิโญส่งผลให้อุณหภูมิสูง ขณะที่ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยภาพรวมปี 2567 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภัยแล้ง และปัญหาการขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ กปภ.จึงได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการให้บริการด้านน้ำประปา

จากนั้นนายอนุทินกล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาตรวจเยี่ยมและเยี่ยมชมแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาภูเก็ต พร้อมทั้งติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและตรวจติดตามผลการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ไปภูเก็ต พังงา และกระบี่

“ด้วยภาวะวิกฤตภัยแล้งในปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างมากกับภารกิจของการประปาส่วนภูมิภาคที่อาจมีปริมาณน้ำดิบไม่เพียงพอ ทั้งส่วนที่ต้องผลิตจ่ายน้ำให้ผู้ใช้น้ำในปัจจุบัน อีกทั้งยังต้องขยายเขตการให้บริการประชาชน สำหรับการดำเนินงานโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภาไป จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะช่วยรองรับผู้ใช้น้ำได้เป็นจำนวนมาก จึงขอให้การประปาส่วนภูมิภาค รวมถึงทุกหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยและทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนเพื่อความสุขของประชาชนสืบไป” นายอนุทินกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image