‘ไผ่’ ชี้ช่อง ออก พรก.พักการลงโทษ คลี่คลายสถานการณ์ ‘สามัญชน’ ขับขานอาลัย ‘บุ้ง’

‘ไผ่’ ชี้ช่อง ออก พรก.พักการลงโทษ คลี่คลายสถานการณ์ ‘สามัญชน’ ขับขานอาลัย ‘บุ้ง’

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กรุงเทพฯ ในวาระครบรอบ 10 ปี คสช. กลุ่มสมัชชาคนจน ร่วมกับ 24 มิถุนาประชาธิปไตย ทะลุฟ้า และคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จัดงาน ‘10 ปี รัฐประหาร คสช. ไม่ลืม ไม่ลืม ไม่ลืม’

โดยตั้งแต่เวลา 17.40 น. มีการบรรเลงดนตรีจากกลุ่มทะลุฟ้าและวงสามัญชน สลับกับการปราศรัย

บรรยากาศเวลา 20.30 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ทะลุฟ้า กล่าวปราศรัยปิดงาน

Advertisement

นายจตุภัทร์กล่าวว่า จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหาร ทุกครั้งที่มีการรำลึก คณะรัฐประหารไม่เคยจัดงานฉลอง ยืดอกยืนตรงอย่างภาคภูมิใจว่าทำรัฐประหาร แต่พวกเราออกมาทุกปี มายืนตรงต่อต้านรัฐประหาร มาร่วมกันตอกย้ำทุกปี

“บนเส้นทางที่เราร่วมเดิน 10 ปีที่ผ่านมา มีทั้งความก้าวหน้าและล้าหลัง ประเทศเราเดินเหมือนคนเมา ก้าว 3 ถอยหลัง 2 บางทีล้มอีก เป็นความล้าหลังทางการเมืองและเศรษฐกิจ

Advertisement

ปัญหาจากที่ต่างๆ ที่ตัวแทนมาร่วมพูดในวันนี้ คือความล้าหลังทางการเมือง กฎหมายก้าวหน้าขึ้น รวบรวมข้อบัญญัติชุมชน ต่อต้านเหมือง และการพัฒนาของรัฐ

“ตราบใดที่ไม่มีการปฏิรูปกองทัพ ทหารออกมาปฏิรูปได้แน่นอน ตราบใดที่ยังปฏิรูปกองทัพ เกณฑ์ทหารไม่ได้ ทหารรัฐประหารแน่นอน และนี่คือบทเรียนที่เจอมากี่ครั้งแล้ว ผมเกิดมาก็เจอรัฐประหาร 4-5 รอบแล้ว” นายจตุภัทร์กล่าว และว่า

10 ปีที่ผ่านมายืนยันว่า สิ่งที่เราคิด เชื่อ ถูกมาตลอด ไม่มีวันใดเลยที่เราคิดผิด แต่ที่ผิดเพราะประเทศนี้ไม่อนุญาตให้เราคิดต่าง ไม่ว่าคดีทางการเมืองระลอกไหน เราไม่ได้ผิดเลย ที่มาของรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร อะไรที่มาจากการแต่งตั้งมีปัญหาหมด

“ปี 2559 วันที่มีประชามติ ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ เราในนามประชาธิปไตยใหม่ NDN 14 คน ออกมาต่อต้านเผด็จการ เขาจับกุมคุมขัง เราก็สู้ พอมีช่วงรณรงค์ประชามติ ก็ออกมารณรงค์ให้ประชาชนไม่รับคำถามพ่วง ที่จะมี ส.ว.นี้ แต่ใบปลิวโกนดัก ถูกจับตั้งแต่ บขส.แล้ว

นายจตุภัทร์กล่าวว่า 10 ปีมาแล้ว ที่ปัญหาต่างๆ ยังติด เพราะองค์กรอิสระที่ไม่อิสระ ขัดแข้งขัดขาประชาธิปไตย จับเราติดคุก เพื่อนเราบางส่วนไปสู้ในรัฐสภา

“จำได้ไหม รังสิมันต์ โรม เป็นหนึ่งใน 14 นักศึกษา เราคุยกันในคุกเลย ที่ขอนแก่น ผมก็เห็นด้วย ประเทศนี้จำเป็นต้องสู้ ทั้งบนท้องถนน กับรัฐสภา เพื่อนผมก็เข้าไปสู้ในสภาฯ แต่โดนปิดกั้นยุบพรรคอีก

คนเรือนหมื่นเรือนแสน ออกมาสู้กับเรา ก็กลับไปทำอย่างเดิม ผูกโบว์ ทำอะไรก็ติดคุก ยืนยันอุดมการณ์ว่าคิดแบบนี้ไม่ได้ การคิดแบบนี้จะโดนหมายไปที่บ้าน โดนคดีไปที่คณะ ” นายจตุภัทร์ชี้

นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า เราจะเห็นได้ว่า ปัญหาเกิดจากโครงสร้างทางการเมืองแบบนี้ที่เอื้อให้กับฝ่ายเผด็จการ แต่งตั้งคนเหล่านี้ขึ้นมา จะเห็นได้ว่าอะไรที่แต่งตั้งมักจะมีปัญหา อะไรที่เลือกตั้งเปลี่ยนแปลงหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลง

“ถ้าเราเห็นกติกา ของการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ คือกีดกันคนจนสิทธิ จนเสียง กันพวกเราออก กันเด็กด้วย ต้องอายุ 40 ขึ้นไป เราหมดสิทธิ กีดกันพวกเราออกไป ถ้าคิดว่าสิ่งที่คุณนำเสนอสังคมนี้จะซื้อ ก็เปิดโอกาสให้แฟร์ๆ แต่กลับไม่เลย” นายจตุภัทร์กล่าว

โดยผู้ร่วมงาน ต่างปรบมือให้คนที่ร่วมสู้ในสนาม ส.ว.

นายจตุภัทร์กล่าวว่า แม้จะกีดกันก็ยังสู้ บนถนนที่เรายืนอยู่นี้ คือช่องทางสุดท้าย

การต่อสู้เรียกร้องมันไม่ได้สนุกสนาน โรยไปด้วยความเสียสละ 10 ปีที่ผ่านมามันมีความล้าหลัง แต่เราเห็นความก้าวหน้าทางสังคม คือมีคนที่ยืนเคียงข้างเรามากขึ้น มีคนที่เห็นกับเรามากขึ้น และคนรุ่นใหม่จากนี้ไปจะยืนอยู่เคียงข้างเราต่อไปเรื่อยๆ

“ตราบใดที่ทะเลาะกันเอง ไม่พุ่งกันไปหาศัตรู เราจะไม่มีทางชนะ

ที่ผ่านมามี 4 เวที เป็นการแบ่งแยกที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมขอถามว่า ถ้าประชาชนผู้ถูกดขี่ทั้งหลายไม่ร่วมกันต่อสู้ แล้วเมื่อไหร่เสียงของเราจะดังพอ” นายจตุภัทร์ชี้

นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า ณ วันนี้ สิ่งที่เราไม่อยากเห็น คือทะเลาะ ถกเถียง ด่ากัน ซึ่งควรจะจบไปตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง แต่กลับฝังรากลึก เรารับรู้บรรยากาศนี้ไปด้วยกัน แต่มันจะฟันฝ่าไปได้ด้วยเวลา

“17-18 ปีที่เขาขัดแย้งกัน แต่กลับมาร่วมมือกันได้ แล้วทำไมเราถึงร่วมมือกันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดงหรือฝ่ายไหน คุณก็ได้ประโยชน์จากการกระจายอำนาจ ปฏิรูปกองทัพ นั่นหมายความว่าลูกหลานของคุณก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ” นายจตุภัทร์กล่าว

นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ทำให้เห็นว่า แคร์คนส่วนน้อยที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ส่วนประชาชน จนเอาๆ ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนพรรคไหน แต่อย่าด้อยค่า ดูถูกประชาชนกันเอง มองกันเองเป็นศัตรู

“ณ วันนี้ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ เชื่อมันในประชาธิปไตย ผมกล้าพูดได้เต็มปาก อย่างน้อย ๆ คนในสังคมไม่เอาเผด็จการทหาร หรือโดนหลอกง่ายๆ อีก ว่าจะเข้ามาคืนความสุข ต่อจากนี้ไป ใครที่ยังยืนอยู่ ขอให้ยืนหยัดต่อสู้ สุดท้ายถ้าต่อสู้ไม่ได้ทุกช่องทาง ไม่เหลืออะไรให้สู้ คนก็จะกลับมาลงถนนเอง ขอให้อดทนต่อไป พิสูจน์กันไปในแนวทางที่คุณเลือกเดิน”

“เราจะพิสูจน์กันไป วันนี้ใครที่เชื่อในแนวทางการต่อสู้ของประชาชน ยืนหยัดต่อไป ใครที่ไม่เชื่อ ก็ฝากความหวังในผู้แทนของคุณไป มันจะพิสูจน์ ไม่ต้องไปด่าเขา สู้จนกว่าจะไม่มีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จนกว่าไม่มีทะลุฟ้า”

นายจตุภัทร์ชี้ว่า ที่เรายังต้องสู้ต่อ เพราะยังไม่สามารถฝากความหวังไว้กับรัฐสภาได้ ขอให้ร่วมกัน หาแนวทางต่อสู้ พยายามทำความเข้าใจกับเพื่อน หาจุดร่วมสงวนจุดต่าง อย่าโกรธประชาชนด้วยกัน

นายจตุภัทร์ยังกล่าวถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าให้ร่วมกันคิดหาช่องทางที่จะเคลื่อนไหวต่อไป

ส่วนกรณีบุ้ง น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม ขอเรียกร้องให้ฝ่ายบริหาร ต้องมีคำสังคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือมีมติ ครม. เพื่อออก พ.ร.ก.พักการลงโทษ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำได้

“ปัญหาจะคลี่คลายได้ถ้า 1.เอาคนเห็นต่างออกมาก่อน คือสิ่งแรกที่อยากเห็น เปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น” นายจตุภัทร์กล่าว

นายจตุภัทร์กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เราจะไปสู้ในสนาม ส.ว และรัฐธรรมนูญ และเราจะไม่ยอมแพ้ อยากให้รัฐบาล แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะคือสิ่งที่จะสง่างามที่สุดแล้ว

จากนั้น เวลา 20.54 น. นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์ วงสามัญชน ขับขานบทเพลง ‘ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ’

นายชูเวชกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอฝากเพลงนี้ถึง น.ส.เนติพร เสร็จสังคม หรือ บุ้ง และขอฝากเพลงนี้ให้ วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 16 ปี ที่เสียชีวิต ไปจนถึง กลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกไล่รื้อที่ดิน ฝากเพลงนี้ถึงคนที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศนี้

“ขอมอบให้เหยื่อ 6 ตุลาคม 2519 และทุกคนที่ไม่ได้กลับบ้าน ขอฝากเพลงนี้ให้เจ้าผีเสื้อทุกคน” นายชูเวชกล่าว โดยผู้ร่วมงาน ร่วมกันลุกขึ้นยืนร้องเพลง

นายชูเวชกล่าวด้วยว่า ตนเคยเจอ บุ้ง เนติพร ที่ม็อบนักเรียนเลว หน้ากระทรวงศึกษาธิการ

“เขาอยู่หลังเวทีจัดแจงสิ่งต่างๆ เป็นคนที่เก่งมาก น่าเสียดายที่ประเทศเราไม่สามารถรักษาคนเหล่านี้ไว้ได้

“ขอมอบเพลงนี้ให้เพื่อนเรา ที่ยังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศด้วย” นายชูเวชกล่าว

ก่อนต่อด้วยเพลง ‘บทเพลงของสามัญชน’ และ ‘ เราคือเพื่อนกัน’ ท่ามกลางผู้ร่วมงาน ร่วมโยกย้ายตามทำนอง ท่าวมกลางฝนที่โปรยลงมา ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา 21.05 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image