ดิเรกฤทธิ์ โต้ปลอมลายเซ็นยื่นสอยนายกฯ แจงเหตุไม่เปิดชื่อ 40 ส.ว. กลัวพาดพิงลุงการเมือง-กดดันศาล

ดิเรกฤทธิ์ โต้ข้อครหา แจงไม่เปิดชื่อ 40 ส.ว. หวั่นถูกโยงการเมือง-กดดันศาล ยัน ส.ว.มีสิทธิยื่นร้อง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้ร้องว่าลายเซ็น 40 ส.ว. ที่ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นลายเซ็นปลอม ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ทางยูทูบช่อง สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ว่า เขาใช้สติปัญญาส่วนไหน เรื่องอะไร ยังไง ถึงมาคิดได้ว่าควรจะมาฟ้องอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก ตามคำฟ้องของเขา เป็นการทำงานของสภา มีระบบชัดเจน เวลาเราเป็น ส.ว. เราต้องไปทำประวัติไว้ เวลาเราใช้สิทธิทำอะไรต่อประธาน ยื่นเสนอญัตติให้มีการพิจารณาในวุฒิสภา ก็ต้องนับจำนวน ดูลายเซ็น เป็นเรื่องพื้นฐานมากๆเลย ถ้าเทียบลายเซ็นแล้วถูกต้อง ท่านประธานวุฒิฯ ถึงจะดำเนินการต่อ เรื่องนี้ผ่านหลายขั้นตอนมาก ศาลท่านก็รับ ก็แปลว่า ตรวจสอบ 2 ชั้นแล้ว กระทั่งมีการพิจารณา

ถามว่า มีเค้าลางมาจากไหนไหม นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ เรายังตรวจสอบคนอื่นเลย ถ้าคนอื่นอยากตรวจสอบเรา ถ้าคนอื่นทำให้คนอื่นเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ เขากล่าวหารุนแรงว่าเราทำผิด ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้นเราก็ฟ้องกลับได้ เขาจะใช้ไหวหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่า ทำไม 40 ส.ว. จึงไม่เปิดชื่อนั้น นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เขาเห็นผมเหนื่อย ก็บอกว่าจะช่วยออกมาช่วยอธิบาย เราอธิบายได้อยู่แล้ว เป็นผู้ใหญ่มีเหตุมีผล แต่ในขั้นตอนแรกเป็นเรื่องกระบวนการไปสู่ศาล ไม่อยากเปิดให้เป็นปัญหา เปิดมาก คนนู้นคนนี้ตอบไม่ตรงกัน รัฐบาลยังมีโฆษกเลย กรรมาธิการก็มี เขาก็มอบหมายตนว่า ให้ช่วยหน่อย ก็อธิบายไปเบื้องต้น ถ้ามาถึงจุดหนึ่ง ศาลตัดสินแล้ว ก็ต้องเปิดชื่อทั้งหมดอยู่ดี เพราะเราทำงานในหน้าที่ เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

Advertisement

“การเปิดระหว่างทาง จะเป็นผลดีต่อตัวเองหรือเปล่า หรือมีคนมาคุกคาม ล็อบบี้ ต่อว่า ก็จะได้รับผลกระทบ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดมั้ง พอเปิดก็มีกระแสทางการเมืองว่าไปแกล้งหรือไม่แกล้งใคร สุจริตไหม จะเป็นกระแสสังคมที่อาจจะคลาดเคลื่อน เรื่องเหล่านี้เนี่ยอาจจะไปมีผล ไปกดดันศาล หรือมีผลต่อความเป็นอิสระของท่าน ก็ไม่ควรที่จะไปให้ข้อมูลแบบนี้”

“ณ วันนี้ ก็มีหลายท่าน ก็จะให้ชื่อแล้วไปสัมภาษณ์ ส่วนชื่อ 40 ท่าน ก็ต้องไปถามก่อน ใจตนก็อยากจะให้เปิด ไม่ยากอะไร มีส.ว.หลากหลาย มีนพ. อาจารย์ นักวิชาการ ทนายความ ด้านกฎหมาย ข้าราชการเก่า ผู้ว่าฯ อธิบดี เยอะแยะ”

เมื่อนายสรยุทธถามว่า ไม่เป็นไปตามข้อครหาใช่ไหม ที่ว่าเปิดมาแล้วเป็นสายลุงป้อม นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า นั่นแหละ มันอาจจะคลาดเคลื่อนในแง่ของความเข้าใจได้ ถ้าคุณไปคิดเอง ไปมีฉากทัศน์ทางการเมือง และ ไปกล่าวหาว่า คนนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นคนนี้ คนนี้เคยเป็นลูกน้องคนนี้ ซึ่งก็รู้จักกันทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะเชื่อมั่นว่าคนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จะสรรหาให้เป็น ส.ว.ได้อย่างไร ตนคิดว่าไม่ใช่สาระหลักของข้อมูลที่ควรเปิด สิ่งที่ควรเปิดก็คือ ประเด็นเนื้อหา ข้อกล่าวหา หากคุณเคยเป็นใครมา แล้วเนื้อหาอย่างนี้ควรทำ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอดีต ต้องแยกกัน

Advertisement

ถามว่าเพราะอะไร ส.ว.อีกกลุ่ม ถึงไม่คิดว่าควรจะทำ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เขาวิเคราะห์ทั้ง 2 ประเด็น ว่า มันพ้นไปแล้ว ควรอยู่เฉยๆ อย่าใช้หน้าที่ตรงนี้เลย เขาตีความกฎหมายต่างจากเรา กฎหมายบอกให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีส.ว.ชุดใหม่ เรามีอำนาจเต็ม ข้อที่ 2 เขาคิดว่า ไม่จำเป็น เขาอาจจะคลุกคลีกับการเมือง เขาใช้คำว่า สร้างปัญหาให้บ้านเมือง ซึ่งตนก็เห็นต่าง ก็อธิบายว่า เป็นหลักการปกครอง การปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องไม่มีสิ่งที่คลางแคลงสงสัย เห็นต่างได้ ก็ไปอธิบายกับสื่อ แต่อย่าไปกล่าวหาให้คนอื่นเสียหาย ไปต่อว่า ต่อขาน พูดไปให้ข้อมูลในทำนองที่ว่า เรามีเป้าหมายทางการเมือง มีผลประโยชน์ ก็ต้องออกมาบอกว่าไม่ได้นะ ออกมาอธิบาย ว่า ส.ว.ต้องเป็นกลางทางการเมือง และไม่ต้องไปคิดว่าใครจะได้ประโยชน์ ต้องดูปัญหาทางรัฐธรรมนูญ ที่เกิดขึ้นจริงก็แค่นั้นเอง

นายดิเรกฤทธิ์ ยังยืนยันว่า งานนี้ ไม่มีใบสั่ง

“ถ้าไปจินตนาการแบบนั้น ทุกคนก็เห็นแก่ตัวหมด บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ แล้วไม่เชื่อมั่นในเหตุผล และการทำงานของใครเลย บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image