‘หมอเกศ’ มีชื่ออยู่ ‘เกศกมล คลินิก’ จริงตั้งแต่ปี 2557 แต่! เพิ่งเปลี่ยนผู้ดำเนินการเป็นคนอื่นเมื่อปี’67
เมื่อวันที่ 29 มกราคม แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยระบุว่า มีรายได้จากการแขวนป้ายหมอ 210,000 บาทต่อปี ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย มีการยื่นขออนุญาตเป็น ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ในคลินิกชื่อ “เกศกมล คลินิก” ที่ จ.เพชรบุรี ราวๆ ปี 2557 และยื่นขอต่อใบอนุญาตทุกๆ 2 ปี มาตลอด 10 ปี กระทั่งปี 2567 มีการแจ้งเปลี่ยนชื่อแพทย์ผู้ดำเนินการเป็นผู้อื่น
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แพทย์ 1 คน สามารถยื่นเป็นได้ทั้งเจ้าของกิจการ หรือเจ้าของสถานพยาบาล และยื่นเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รวมถึงสามารถยื่นเป็นแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ยื่นเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลแล้ว จะต้องประจำอยู่ที่สถานพยาบาลนั้นตลอดช่วงเวลาที่ยื่นขออนุญาตเปิดสถานพยาบาลนั้นๆ อย่างไรก็ตาม กรณีที่คลินิกดังกล่าวแม้ว่าจะชื่อว่า “เกศกมลคลินิก” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ ส.ว.คนดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ส.ว.ท่านนั้นเป็นเจ้าของคลินิกด้วยหรือไม่
- ฮือฮา ที่มารายได้ ส.ว.หมอเกศ แขวนป้าย(หมอ) รับ 2.1 แสน ย้อนสธ.เคยเตือน มีโทษหนัก
- สธ. แจง รายได้หมอเกศ แขวนป้ายหมอ ย้ำต้องเข้าคลินิก ไม่งั้นมีความผิด
สำหรับการตรวจสอบเรื่องนี้ทราบว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้มอบอำนาจให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ทางกรมมีคำสั่งไปถึง กรณีนี้ก็เป็นความปรากฏ ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนยื่นต่อ ป.ป.ช.เองว่ามีรายได้จากการ “แขวนป้ายหมอ” ซึ่งเป็นคำที่เป็นที่รู้กันว่ามีความหมายในเชิงลบ คล้ายกับว่าแพทย์ท่านนั้นยินยอมให้เอาชื่อและความเป็นวิชาชีพแพทย์ของตัวเองไปแขวนไว้ โดยไม่มีการไปทำงานจริงๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ สสจ.เป็นผู้ตรวจสอบ
โดยดูว่า ในช่วง 10 ปี ที่ยื่นเป็นผู้ดำเนินการนั้น ได้มีการเข้าไปปฏิบัติงานจริงๆ หรือไม่ อยู่ใน จ.เพชรบุรี หรือไม่ หรือตัวอยู่ที่จังหวัดอื่นหรือไม่ ส่วนการเชิญมาให้ข้อมูลอาจจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากขณะนี้แพทย์ท่านนั้นดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. อีกทั้งยังอยู่ในสมัยการประชุม มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ที่ทำได้คือการที่ สสจ.เข้าไปตรวจสอบย้อนหลัง
“การตรวจสอบก็เพื่อให้ทราบว่าคำว่า ‘แขวนป้าย’ ที่ พญ.เกศกมล กล่าวถึงนั้น จริงๆ แล้วมีการทำงานจริงหรือไม่ เพราะถ้าทำงานจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่จริงก็ควรจะเขียน หรือแจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจบัญชีทรัพย์สินว่ามีรายได้จากการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่ใช่ไปแจ้งว่ารายได้จากการแขวนป้ายหมอ และที่สำคัญเรื่องนี้เจ้าตัวควรออกมาสื่อสารทำความเข้าใจมากกว่า” แหล่งข่าวกล่าว