บทนำ : ผลของ‘คลิปฉาว’

คลิปวิดีโอและภาพส่วนตัวแกนนำพรรคการเมืองชาย และนักเคลื่อนไหวหญิง แพร่กระจายทางโลกออนไลน์ พร้อมกับข้อความประณามบุคคลทั้งสอง ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ต่างกันอย่างน้อยสองด้าน ด้านหนึ่ง คือเห็นว่า เป็นการนำเอาเรื่องส่วนตัวมาโจมตีเพื่อหวังผลในทางการเมือง เนื่องจากบุคคลทั้งสองเป็นผู้มีชื่อเสียงจากบทบาทและทรรศนะทางการเมืองที่แตกต่างจากกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และได้เคลื่อนไหวเรียกร้อง แสดงออกถึงจุดยืนที่แตกต่างมาอย่างต่อเนื่อง อีกด้านหนึ่ง เห็นด้วยกับข้อความประณามโจมตีที่ปรากฏพร้อมกับคลิปและภาพ

บุคคลที่ตกเป็นข่าวทั้งสองคนได้ออกมา ชี้แจงตอบโต้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของคนโสดสองคนที่ไม่ได้กระทำความผิดต่อใครและไม่ได้เป็นประเด็นสาธารณะ แต่คนที่เอาเรื่องแบบนี้มาทำลายต่างหากที่มีเจตนาทุจริต ใช้วิธีสกปรกเพื่อเบี่ยงเบนผู้คนออกจากประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เช่น การระดมทุนของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีชื่อของส่วนราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเรื่องนาฬิกาที่ไม่มีความคืบหน้า รวมถึงการโกงการเลือกตั้งด้วยวิธีต่างๆ อย่างเป็นระบบ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการก่ออาชญากรรมที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของใคร

ข่าวและคลิปดังกล่าวเป็นฝีมือของใคร และมีเป้าหมายอย่างไรก็ตาม แต่ผลที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่ผู้กระทำคาดหวัง เพราะ ประการแรก แม้คลิปดังกล่าวต้องการทำลายและสร้างความอับอายให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อ แต่ผู้ที่จะต้องอับอายและเสียหายยิ่งกว่าคือผู้ที่ทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา เพราะสังคมของผู้มีเหตุผลไม่เห็นด้วย และได้ประณามการกระทำนี้ รวมถึงสนับสนุนให้กำลังใจผู้ตกเป็นเหยื่อ ประการต่อมา คลิปนี้ตอกย้ำความไม่ถูกต้องเป็นธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในสังคม ข่าวสารต่างๆ ก็จะไม่ถูกกลบทับด้วยข่าวนี้ เพราะสังคมยุคนี้มีเหตุผลและไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การชี้นำอย่างเดิมๆ อีกต่อไป

ประเทศไทยเดินมาถึงจุดของการคืนอำนาจ หลังจากผ่านเวลาร่วม 5 ปีของการปฏิรูปในรอบแรก การเมืองที่ผ่านการปฏิรูป ก้าวหน้าขึ้น หรือย่ำเท้าหรือถอยหลัง มาตรฐานต่างๆ แตกต่างจากเมื่อ 5 ปีก่อนหรือไม่ อย่างไร วิญญูชนย่อมตอบได้ ขณะที่การเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ แม้จะมีความพยายามเบี่ยงเบนผลการเลือกตั้งด้วยวิธีการใดก็ตาม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image