อดีตผู้ว่าฯเมืองเพชร ขอลงชิงส.ว. หวังใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิต ช่วยพัฒนาไทยให้ทัดเทียมโลก

อดีตผู้ว่าฯ เมืองเพชร ขอสมัคร สว. หวังเป็นส่วนหนึ่งช่วยพัฒนา หลังผุดคำถาม ทำไมปทท.ยังไม่ทัดเทียมประเทศอื่น

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการลงสมัคร ส.ว.ในครั้งนี้ โดยได้แนะนำตัวเบื้องต้นว่า ตนเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด เคยศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ที่ American International College, Springfield Massachusetts สหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน จ.ระนอง หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการการมาตรฐานบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี รวมแล้วเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 4 ปี ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ

เมื่อถามว่า จะลงสมัครในกลุ่มสายอาชีพและในพื้นที่ใดบ้าง นายภัคพงศ์กล่ววว่า ลงสมัครในกลุ่มอาชีพการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง เนื่องจากมีประสบการณ์จากการเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และลงสมัครในพื้นที่ อ.เมือง จ.พังงา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงตัดสินใจลงสมัคร ส.ว. นายภัคพงศ์กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้เกษียณอายุราชการ ก็ได้ติดตามการบริหารงานภายในประเทศ ซึ่งมองว่าประเทศไทยก็ยังพัฒนาได้ไม่เท่าที่ควร และพัฒนาได้ไม่เทียบเท่ากับประเทศอื่น เพราะตนก็มีประสบการณ์ทั้งการเรียน และเดินทางไปต่างประเทศมาหลายที่ ก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงยังไม่เจริญเท่า และตลอดเวลาที่รับราชการ ตนก็มุ่งแต่ทำงานตามสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมาย เมื่อกลับมามองในฐานะผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เราก็ต้้งคำถามกับประเทศ เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำงานอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ก็คิดว่าตนมีคุณสมบัติเพียงพอเหมาะสม และประสบการณ์ทำงานตนน่าจะไปช่วยประเทศได้ เพราะหน้าที่ของ ส.ว.คือการออกกฎหมาย และตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ตลอดจนการพิจารณาการแต่งตั้งองค์กรอิสระ

Advertisement

นายภัคพงศ์กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว.ชุดนี้ก็ยังไม่ตรงใจเรา เพราะหลายครั้งก็มีการพิจารณาที่ยังไม่สมเหตุสมผล ถ้ามีโอกาสตนก็อยากจะขับเคลื่อนประเทศให้เท่าทันกับต่างประเทศบ้าง เพราะตนก็ยังมีกำลัง มีสติปัญญาในการทำประโยชน์ได้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติ แต่ติดที่การเมืองการปกครองยังไม่สามารถขับเคลื่อนในตรงนี้ได้

เมื่อถามว่ารู้สึกกังวลใจกับกติกาการรับสมัคร ส.ว.หรือไม่ นายภัคพงศ์กล่าวว่า เราต้องยอมรับกติกานี้ในช่วงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การได้มาซึ่ง ส.ว.ก็เป็นไปในลักษณะเป็นตัวแทนของกลุ่มสาขาอาชีพเหมือนกัน แต่มีเพียง 10 กลุ่มอาชีพและให้ผู้ที่สนใจลงสมัครและคัดเลือกกันเอง หลักการกว้างไปในลักษณะที่คล้ายกัน แต่คราวนี้ ได้เพิ่มกลุ่มอาชีพเป็น 20 สาขาอาชีพ และมีกระบวนการที่ซับซ้อนขึ้น และอีกส่วนหนึ่ง คือการไม่ต้องหาเสียง ซึ่งก็เป็นข้อดี เพราะอย่างตนเป็นอดีตข้าราชการก็ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากพอที่จะไปทำป้ายประชาสัมพันธ์ หรือทำใบปลิวแจกประชาชนในการหาเสียง และที่สำคัญคือเราเป็นอิสระทางความคิด เพราะการลงสมัคร ส.ว.เราไม่สังกัดพรรคการเมือง เราไม่ต้องทำตามมติพรรคที่จะมาชี้นำ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะทำให้เราขาดอิสระทางความคิดได้ ที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้มีความคิดจะลงมาทำการเมือง แต่ในเมื่อกติกากำหนดไว้ว่าจะต้องมีความเป็นอิสระ ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ก็จะทำให้เราใช้ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถในการพิจารณาให้ความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศการลงรับสมัคร ส.ว.รอบนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เรามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน นายภัคพงศ์กล่าวว่า ก็ตั้งใจทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ตนรับราชการมากกว่า 33 ปี ก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด ปัญหาสำคัญในประเทศไทยในขณะนี้คือการทุจริต หากเราไม่แก้ไขในปัญหานี้ก็อาจจะกัดกร่อน จะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียโอกาสยิ่งกว่าเดิม

Advertisement
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image