ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ทุ่งหันตรา นาหลวง สมัยอยุธยา เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะ (1.) เจ้าสามพระยา มีพิธีเบิกโขลนทวาร (2.) ที่ประสูติพระบรมไตรโลกนาถ (3.) ที่นวดข้าวของนาหลวงสมัยพระเจ้าบรมโกศ
ผมเคยเขียนเล่าไว้ใน มติชน (ฉบับวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 หน้า 13) ต่อมามีผู้บอกเพิ่มเติมพร้อมส่งหลักฐานเป็นสำเนาเอกสารว่า ร.5 เคยเสด็จวัดหันตรา ทอดพระเนตรนาหลวงเมื่อ พ.ศ.2442 หลังจากนั้นต่อมาอีก 10 ปี บริเวณนาหลวง ทุ่งหันตรา มีพิธีแรกนาขวัญ เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ.2452
ย้อนอ่าน : สุจิตต์ วงษ์เทศ : เที่ยวทุ่งหันตรา อยุธยา นาหลวงของพระเจ้าแผ่นดิน
ร.5 เสด็จนาหลวง อยุธยา
ราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2442) บันทึกว่า ร.5 เสด็จจากบางปะอินโดยรถไฟถึงอยุธยา เมื่อตอนบ่ายวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2442 แล้วเสด็จตลาดหัวรอ จากนั้นลงเรือพระที่นั่งจากท่าพระราชวังจันทร์เกษมล่องตามแม่น้ำป่าสักเข้าทางคลองปากข้าวสาร (วัดเกาะแก้ว) ซึ่งมีคลองเชื่อมไปคลองข้าวเม่าและคลองหันตรา เสด็จประทับที่วัดหันตรา ในราชกิจจานุเบกษามีข้อความโดยสรุปว่า
วัดหันตราเป็นวัดหลวงครั้งกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา หลังวัดออกไปข้างตะวันออกมีเนื้อนา 700 ไร่เศษ เป็นนาหลวงแต่เดิมมาจนกาลบัดนี้
วัดหันตรา สมัยอยุธยา หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเข้าหาคลองหันตรา ส่วนหลังวัดไปทางทิศตะวันออกเป็นพื้นที่นาหลวง (แต่ปัจจุบันมีถนนผ่านทางทิศตะวันออก จึงเปลี่ยนหน้าวัดหันเข้าหาถนน ส่วนหลังวัดเข้าหาคลอง)
“มีพระที่นั่งเป็นที่ประทับพระเจ้าแผ่นดิน อยู่ข้างพระอุโบสถด้านใต้”
“พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาประทับทอดพระเนตรการทำนา และเกี่ยวข้าว นวดข้าว ลากข้าว…มีที่สำหรับทรงลากรันแทะยังปรากฏอยู่ที่เรียกว่าแถวรับเสด็จมาจนบัดนี้เป็นช่องอันนายาวตรงออกไปในเวลาเมื่อเสด็จมาทอดพระเนตรการทำนา คงจะได้ประทับอยู่ในที่พระที่นั่งอันตั้งอยู่ใกล้พระอุโบสถ เพื่อเป็นที่ทอดพระเนตรพระอารามอันได้ทรงสร้างขึ้นให้เป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธาด้วย”
“และต่อพระที่นั่งออกไปคงจะมีตำหนักน้อยใหญ่อันชำรุดทรุดโทรมสูญหายไปเสีย คงเหลืออยู่แต่พระที่นั่ง เพราะเป็นพระที่นั่งตึก”
ข้อความในราชกิจจานุเบกษาที่ยกมานี้สำคัญมาก เป็นพยานว่าสมัยอยุธยาเคยมี (1.) พระที่นั่งตึกและหมู่ตำหนักที่ประทับ กับ (2.) แนวคันนา (อันนา) ยาวจากวัดตรงออกไปนาหลวง
ทุกวันนี้ผมไปหลายรอบเดินสำรวจวัดหันตรา แต่ยังค้นไม่พบ และสอบถามแถบนั้นหลายคนก็หาคำตอบไม่ได้ ยังคิดไม่ออกจะพึ่งพาใคร เพราะสอบถามผู้ใหญ่ในกรมศิลปากรก็ยังไม่เคยมีรายงานการสำรวจตรวจสอบเรื่องนี้
ท้องถิ่นมี สตอรี่ งดงามขนาดนี้ ไฉนไม่มีใครสนใจเชิญชวนคนไปเที่ยวบ้างก็ไม่รู้เหมือนกัน