ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
ทวารวดีไม่เป็นเมืองอยู่ทางทิศตะวันตกที่นครปฐม แต่อยู่ทางทิศตะวันออกที่ลพบุรี มีนักวิชาการในกรมศิลปากรเคยเสนอหลักฐานโบราณคดีต่อแวดวงวิชาการเป็นสาธารณะเมื่อราว 50 ปีมาแล้ว แต่นักโบราณคดีกระแสหลักอนุรักษนิยมสมัยนั้นรับไม่ได้ ดังนั้นสังคมไทยเลยต้องอยู่กับข้อมูลชุดเดียวนานมาก
นักปราชญ์สมัยก่อนได้สถาปนาชุดความรู้เกี่ยวกับทวารวดีต่อสังคมไทยเมื่อราวศตวรรษที่แล้ว ว่าทวารวดีมีศูนย์กลางอยู่เมืองนครปฐมโบราณ ลุ่มน้ำท่าจีน ทางฟากตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา นับถือศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท เป็นศาสนาหลัก ด้วยการอ้างหลักฐานมหาศาลเนื่องในศาสนาพุทธ ได้แก่ พระพุทธรูป, สถูปเจดีย์, ธรรมจักร, จารึก เย ธัมมา, ปูนปั้นรูปชาดกต่างๆ ฯลฯ
จากนั้นรัฐราชการรวมศูนย์ขยายเกินจริงในเรื่องราวของทวารวดีว่าเป็นอาณาจักรใหญ่โตมโหฬาร แล้วครอบงำผ่านระบบการศึกษาไทย เน้นทวารวดีเมืองพุทธ
ต่อมามหาวิทยาลัยไทยสนองนโยบายอย่างเชื่องๆ แล้วควบคุมการเรียนการสอนให้นักเรียนนิสิตนักศึกษาต้องเชื่อความรู้ชุดเดียวนี้เสมือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครจะละเมิดมิได้ หมายถึงผู้คิดต่างต้องรับความเสียหายจากการใส่ร้ายป้ายสี แล้วถูกหมายหัวจนอาจสอบไม่ผ่าน
ชุดความรู้เกี่ยวกับทวารวดีมีขึ้นจากนักปราชญ์สมัยก่อนที่พบข้อมูลทางโบราณคดีอย่างจำกัด และเทคโนโลยีไม่ทันสมัยของโลกเมื่อศตวรรษที่แล้ว แต่น่าประหลาดเมื่อราว 50 ปีมาแล้ว นักค้นคว้านักวิชาการพบข้อมูลชุดใหม่ต่างจากแต่ก่อน แล้วเสนอความเห็นว่าทวารวดีอยู่ทางฟากตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเมืองละโว้ (ลพบุรี) ที่มีพัฒนาการต่อเนื่องเป็นกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีนามทางการยืนยันว่ามีต้นตอจากทวารวดี แต่แล้วถูกรัฐราชการรวมศูนย์ไม่ไยดี นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยยังเยาะเย้ยไยไพ ไม่กระตุ้นให้มีถกเถียงทักท้วงทางวิชาการและการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม
แต่ข้อมูลทวารวดีมีหลายชุดที่ต่างจากกระแสหลัก เช่น ชุดของพิริยะ ไกรฤกษ์ และชุดของนักปราชญ์อื่นๆ หลายท่าน ซึ่งแตกต่างจากชุดของรัฐราชการรวมศูนย์และชุดของมหาวิทยาลัย
ทวารวดี ผี–พราหมณ์–พุทธ
ทวารวดีในไทยนับถือ “ผี–พราหมณ์–พุทธ” โดยยกย่องศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาหลัก มีศูนย์กลางอยู่เมืองศรีเทพ (อ. ศรีเทพ จ. เพชรบูรณ์) ลุ่มน้ำป่าสัก เชื่อม แหล่งทรัพยากรมั่งคั่งจากลุ่มน้ำโขง เช่น ทองแดง ฯลฯ กับลุ่มน้ำเจ้าพระยา และมีเครือข่ายเมืองละโว้ (อ. เมืองฯ จ. ลพบุรี) ลุ่มน้ำป่าสัก–ลพบุรี ฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งล้วนตรงข้ามกับชุดความรู้กระแสหลัก
การศึกษาไทยจงใจเน้นว่าเมืองในประวัติศาสตร์นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งเพียงศาสนาเดียว ซึ่งผิดปกติ เพราะหลักฐานมานุษยวิทยา–โบราณคดีพบว่าแต่ละเมืองล้วนนับถือศาสนาผสมปนเปกันด้วยผี–พราหมณ์–พุทธ
ศาสนาผีมีความเชื่อเรื่องขวัญเป็นที่นับถือสืบเนื่องจากชุมชนดั้งเดิมดึกดำบรรพ์นับพันๆ ปีมาแล้ว ก่อนติดต่อรับวัฒนธรรมอินเดีย
ศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธรับจากอินเดียวคราวเดียวกัน หรือไล่เลี่ยกันตั้งแต่เรือน พ.ศ. 1000 (เพราะอาศัยเรือพ่อค้าลำเดียวกันจากอินเดีย–ลังกา ถึงอุษาคเนย์) แล้วประสมกลมกลืนกับศาสนาผีจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแยกไม่ได้
ศาสนาหลักของทวารวดี คือ ศาสนาพราหมณ์ มีหลักฐานจากนามเมืองทวารวดีคือเมืองของพระกฤษณะในศาสนาพราหมณ์–ฮินดู ซึ่งเป็นอวตารที่ 8 ของพระวิษณุ (หรือพระนารายณ์ เทพเจ้าสูงสุดในลัทธิไวษณพ)
เมืองศรีเทพ พบเทวรูปเกี่ยวกับทวารวดี ดังนี้
1. พระกฤษณะ 3 องค์ ประติมากรรมสลักหินลอยตัว
2. พระวิษณุ 2 องค์ ประติมากรรมสลักหินลอยตัว
นอกนั้นพบเทวรูปและสิ่งเกี่ยวข้องลัทธิไวษณพอีกหลายอย่าง
เมืองละโว้ พบเทวรูปและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทวารวดีและพระกฤษณะ ดังนี้
1. พระวิษณุ 2 องค์ ประติมากรรมสลักหินลอยตัว
2. จารึกศาลเจ้า เมืองลพบุรี ระบุนาม “วาสุเทพ” ซึ่งเป็นบิดาของพระกฤษณะ
3. พระกฤษณะปราบช้างและสิงห์ รูปปูนปั้น เรือน พ.ศ. 1800 บนทับหลังของมุขพระปรางค์ด้านทิศใต้ของพระปรางค์ประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี เป็นหลักฐานว่าเมืองละโว้นับถือพระกฤษณะสืบเนื่องจนถึงสมัยเมื่อเปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก
กรุงศรีอยุธยานับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก แต่ยังรักษาประเพณีสืบเนื่องจากทวารวดีดังพบในนามเมืองทางการว่า “กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา” สืบมาจนถึงกรุงธนบุรี, กรุงรัตนโกสินทร์
ทวารวดีตามหลักฐานวิชาการอยู่ลพบุรี–ศรีเทพ ช่วยให้ประวัติศาสตร์ไทยปลอดโปร่งโล่งแจ้งมากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ต้นจนปลาย ถ้าจะมีขลุกขลักบ้างต่อไปข้างหน้าก็ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนที่ผ่านมา