เมื่อวันที่ 14 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม หลายหน่วยงานยังคงเตรียมพร้อมเฝ้าระวังป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน หลังจากอิทธิพลพายุราอี ส่งผลให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง บวกกับระดับน้ำโขงจ่อวิกฤตอยู่ที่ระดับประมาณ 10 เมตร ห่างจากจุดวิกฤตประมาณ 3 เมตร คือที่ 13 เมตร
เริ่มส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ซึ่งติดกับแม่น้ำโขง ประกอบด้วย อำเภอบ้านแพง อำเภอท่าอุเทน อำเภอเมือง และอำเภอธาตุพนม รวมถึงลำน้ำสาขาสายหลัก มี ลำน้ำสงครามและลำน้ำอูน ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม อำเภอนาทม และอำเภอโพนสวรรค์ ได้รับผลกระทบมีปัญหาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่นาข้าว รวมถึงถนนสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
ซึ่งหากในช่วง 2-3 วันนี้ ฝนยังตกต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะนาข้าวของชาวบ้านจะได้รับความเสียหาย อย่างหนัก
นายเฉลิมชัย จันทร์วงษา หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ระบุว่า ขณะเดียวกันทางด้านโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หรือประตูระบายน้ำก่ำตอนล่าง ธรณิศนฤมิต (ทอ-ระ-นิด-นะ-รึ-มิด) ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำช่วงสุดท้าย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่ได้รับพระราชทานชื่อจากในหลวง และรองรับน้ำมาจากน้ำหนองหาร จ.สกลนคร ไหลเชื่อมมาตามลำน้ำก่ำ ก่อนไหลระบายลงสู่แม่น้ำโขง ในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้มีการเปิดประตูระบายน้ำเต็มพิกัด 100 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 120 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำรับมวลน้ำจากหนองหารให้ลงสู่น้ำโขงมากที่สุด ป้องกันปัญหาน้ำหนองหารเอ่อท่วม โดยล่าสุดมีปริมาณน้ำเก็บกักทั้งหมดประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของความจุ หรือประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จากทั้งหมด ของความจุที่ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก แต่ต้องเร่งระบายน้ำลงสู่น้ำโขง รองรับมวลน้ำหนองหารไม่ให้มีปัญหาเอ่อล้นท่วม พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง
