ญาติฝ่ายหญิงซัดกลับทหารสิบโท โพสต์ถูกเทหลังแต่งงาน 7 วัน แม่เผยสาเหตุ ลูกถูกทำร้าย

ญาติสาวบุรีรัมย์ สวนกลับหนุ่มทหารยศสิบโท โพสต์ถูกเทแต่งงานหลังแต่งเจ้าสาวล่องหน สูญเงินไปกว่า 1 แสนบาท ระบุแต่งงานตามประเพณีแล้วอยู่กินตามปกติ ก่อนจะไปทำงานตามหน้าที่ด้วยกันต่างจังหวัด ไม่รู้เรื่องการเลิกรา เท่าที่ทราบฝ่ายชายทำร้ายคาดเป็นมูลเหตุที่ฝ่ายหญิงไม่เอาด้วย

กรณี หนุ่มทหารยศสิบโท สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดชลบุรีโพสต์เรื่องราวของตัวเองผ่านเฟซบุ๊กชื่อสุธา บรรยายข้อความว่า “อยากจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปียันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงได้ตกลงคบกัน จะมีอยู่วันนึงได้ตกลงแต่งงาน พอแต่งงานได้ 7 วันเท่านั้น นางได้ขาดการติดต่มาสักพักนึงพอติดต่อได้คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุขสุดท้าย #ผมโดนเทหรอวะเนี่ย คือยังไงจนผมได้ไปเครียมาจากที่ทำงานเขาผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ นะคับ ส่วนท่านใดอยากแสดงความคิดเห็น ได้เลยนะคับ ผมอยากเห็นความคิดหลายๆ คนว่าเหตุการณ์นี้ ควรทำอะไร “

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66  ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามข้อมูล จากสิบโทสุธา ผู้โพสต์ โดยสิบโทสุธาได้เล่าเหตุการณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้ไปแต่งงานกับนางสาวศศิวิมล เมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาโ ดยจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง เลขที่ 364 หมู่ 10 บ้านหนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

โดยสิบโทสุธากล่าวว่า ได้รู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่โดยมีการแชตหาและขอเบอร์โทรคุยกันจากนั้นได้มีการนัด และตนก็ได้ไปเล่นที่บ้านของฝ่ายหญิงแต่พอนอนค้างคืนเช้ามาทางญาติของฝ่ายหญิงได้บอกว่าให้เอาผู้ใหญ่มาคุยเพราะตนทำผิดประเพณีของทางบ้านเขา จากนั้นตนก็ได้โทรหาพ่อเพื่อมาคุยและทำการหมั้นหมายกันไว้

Advertisement

สิบโทสุธากล่าวต่อว่า แม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 2 แสน ทอง 2 บาท ซึ่งได้คุยและตกลงกันไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา แต่พอผ่านมาประมาณ 15 วัน ทางแม่ฝ่ายหญิงร้องขอมาแต่งก่อนได้ไหมโดยเรียกค่าดอง 1 แสน ทอง 1 บาทแทน ตนก็เอะใจว่าทำไมเร่งรัดขนาดนี้เหมือนจะขายลูกกินเลย และหลังจากนั้นก็มีการโทรมาเอาเงินเพื่อไปซื้อของและเตรียมจัดงาน ตนก็รีบโอนให้พอถึงวันที่แห่ขบวนขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ตนก็แปลกใจว่าจัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติหรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลย มีแต่คนที่สนิทและเป็นญาติอย่างเดียวและงานพิธีทุกอย่างจะทำเร็วมาก

รวมทั้งนับเงินสินสอด ขนาดช่างภาพที่ตนเตรียมมาทำงานก็ยังถ่ายภาพไม่ทันและคนในงานรวมทั้งญาติๆ ของตนก็ยังสงสัยและคิดว่าผิดปกติมากในงานแต่งของตน แต่พอหลังจากที่ตนได้แต่งงานเสร็จแล้วอยู่กินกันประมาณ 6 วัน ฝ่ายหญิงเริ่มเงียบ

จากนั้นกลับไปทำงานตนก็ได้ตามไปถึงที่ทำงานที่เขาทำเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ ตนก็พยายามถามและคุยถึงสาเหตุแต่ทางฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมพูดกับตนเอาแต่เงียบแล้วเดินหนีตน

Advertisement

สิบโทสุธากล่าวต่อว่า จึงได้สอบถามและโพสต์ขอความเห็นรวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตนก็บอกว่าถูกหลอกเอาเงินค่าสินสอดแน่นอน จากนี้ตนก็จะเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงและจะฟ้องเงินที่ตนได้เสียไปกับการจัดงานและเงินค่าดอง รวมๆ กว่า 180,000 บาทและเงินส่วนนี้ตนได้ไปกู้มากับพ่อเพื่อเอามาแต่งงานและหวังจะสร้างอนาคต แต่กลับมาถูกหลอกแบบนี้ตนก็รู้สึกเสียใจมาก ถามว่านักไหมตนก็รักแต่เจอแบบนี้รักแค่ไหนตนก็ขอตัดใจดีกว่า

ผู้สื่อข่าวที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงกับแม่ฝ่ายหญิงที่ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พบนางสุภัค อายุ 49 ปี แม่ฝ่ายหญิง เล่าว่า ลูกสาวไปรู้จักกันฝ่ายชายที่ไหนตนไม่ทราบ แต่ฝ่ายชายมาหาที่บ้าน ถึงขั้นมาอยู่กินด้วยกันนานกว่า 2 เดือน ญาติจึงถามว่าจะเอาอย่างไร สุดท้ายตกลงจะแต่งงานกัน แม่ไม่ได้ห้ามก่อนจะมีการจัดงานแต่งตามประเพณี การที่ฝ่ายชายบอกว่าลูกสาวเทงานแต่ง หรือหลอกให้แต่งงานไม่ถูกต้อง

เพราะได้มีการจัดงานอย่างสมเกียรติ ชาวบ้านมาร่วมงานแต่งเป็นจำนวนมาก มีดนตรี มีฉลอง น่าจะดีกว่างานแต่งอีกหลายคู่ในหมู่บ้าน เท่าที่ทราบฝ่ายชายชอบทำร้ายลูกสาว ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้ลูกสาวไม่สนใจ ประกอบกับลูกสาวเป็นคนไม่พูด

ขณะที่นางไอ อายุ 51 ปี ป้าฝ่ายหญิง เล่าว่า ”จะเทงานแต่งได้อย่างไร” จัดเครื่องเสียงงานแต่งครบ จัดที่พักให้ฝ่ายชายที่เดินทางมาจากจังหวัดสิงห์บุรีอย่างดี หลังแต่งเด็กก็อยู่กินตามปกติ แต่ฝ่ายชายทำงานที่จังหวัดชลบุรี ส่วนฝ่ายหญิงทำงานที่กรุงเทพฯ ตอนแรกตกลงค่าสินสอด 1.5 แสน ทอง 2 บาท แต่เจ้าบ่าวขอไปแต่งเดือน 12 แต่ได้มีการเลื่อนแต่งลงมา จึงลดสินสอดเป็น 1 แสนบาท ทอง 1 บาท หมู 100 โล เหล้า 2 ลัง เบียร์ 2 ลัง น้ำส้ม 2 ลังตามประเพณีของคนที่นี่

ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนจัดการทั้งหมด ยอมรับว่าแปลกใจหลังงานเสร็จงานแต่ง ญาติฝ่ายชายขอสินสอดคืนพวกตนจึงบอกว่ามีค่าใช้จ่ายหลายอย่างกับเงินเพียง 1 แสนแทบไม่พอค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนกรณีฝ่ายชายจะแจ้งความอะไร ทางเราไม่กลัว เพราะเราทำถูกต้องทุกอย่าง

ด้านนางสุภาพ จิรสพานุสรณ์ อายุ 68 ปี ชาวบ้านที่ไปร่วมงานแต่งงาน เล่าว่า ได้ไปร่วมงานแต่งกับเขาด้วย จัดใหญ่พอสมควร ถ้าเปรียบเทียบกับเงินสินสอด 100,000 บาท ถือว่าสมเหตุสมผล เงินไม่เหลือไม่ขาด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image