เหยื่อสาวจ่อฟ้องโซเชียลคุกคาม เล่าละเอียดยิบเหตุการณ์ถูก ‘นักข่าว’ ล่วงละเมิด

เหยื่อสาวจ่อฟ้องโซเชียลคุกคาม เล่าละเอียดยิบเหตุการณ์ถูก ‘นักข่าว’ ล่วงละเมิด

กรณีสาวรายหนึ่งออกมาโพสต์เรียกร้องแถลงการณ์การขอโทษและยอมรับผิดอย่างจริงใจจากนักข่าวสำนักข่าว the Reporters กรณีเคยล่วงละเมิดทางเพศเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ปัจจุบันแม้เจอกันยังคงทักทายในลักษณะตอกย้ำกับเหตุการณ์ในอดีต ล่าสุด นักข่าวได้โพสต์เสียใจ แต่เหยื่อสาวมองว่าไม่ใช่การแถลงการณ์ที่แสดงออกถึงการขอโทษและยอมรับผิด ขณะที่ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Reporters ต้นสังกัดของนักข่าวรายดังกล่าวได้สั่งพักงานแล้วเป็นเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ 25 พ.ย.63 เป็นต้นไป

อ่าน : ร้อง ‘นักข่าว’ ล่วงละเมิด เหยื่อไม่ต่ำกว่า 2 ราย ล่าสุด ‘ฐปณีย์’ สั่งพักงาน 1 ด.

อ่าน : ‘แฟน’ เหยื่อนักข่าวล่วงละเมิด เผย กว่า 1 ปีจะก้าวผ่าน ความทรงจำย้อนมาทำร้ายตลอด ‘ผมได้แค่รับฟังและกอดเธอ’

หลังเหยื่อสาวออกมาเผยแพร่เรื่องราว ทำให้เกิดคอมเมนต์ทั้งเห็นใจและตำหนิ เสียดสีจากโซเชียล ทำให้เหยื่อสาวออกมาโพสต์อีกครั้ง โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียดว่า

Advertisement

เล่าอย่างละเอียดในเหตุการณ์คืนวันนั้น

เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 4 ปีก่อน ช่วงระยะเวลาปี 1 ขึ้นปี 2 เรากำลังปรับตัวศึกษาชีวิตมหา’ลัย และพบเจอเพื่อนใหม่ๆ

เรารู้จักเขาคนนั้นผ่านเพื่อนที่ทำชมรมในมหา’ลัยที่เกี่ยวกับการพูด และถือไมค์ของมหา’ลัยที่เรียน

Advertisement

เราสนิทกันมากขึ้นเนื่องจากท่าทีที่เป็นมิตร และดูสุภาพของเขา เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น รวมถึงการสังสรรค์

ในวันเกิดเหตุ เป็นวันที่เราจำได้แม่นยำว่า วันนี้เราไปกินข้าวต้มและดื่มเบียร์ที่ร้านๆ หนึ่งตรงข้ามมหา’ลัย
หลังจากร้านปิด เราตั้งใจจะแยกย้ายกันกลับ

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คือ มีเด็กคณะวิศวะกลุ่มใหญ่ที่เดินข้ามถนนอย่างคึกคะนอง โดนรถที่พุ่งมาด้วยความเร็วอย่างเต็มแรงจนเขาข้ามไปอีกฝั่งถนน

และโชคร้ายที่เราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ข้ามจนถึงวาระของการชน ผลที่เกิดขึ้นคือเราช็อกมาก ทุกคนพยายามมาปลอบ เราขวัญเสียแบบที่สุดที่มาเห็นคนโดนรถชนต่อหน้า

เวลาผ่านไปสักพัก เรารู้สึกตัวว่า มันเกินเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาเข้าหอในไปแล้ว ด้วยความที่ไม่อยากโดนหักคะแนน เลยรบกวนเขาคนนั้น พร้อมกับสอบถามรายละเอียดอย่างชัดเจนว่า มีคนอื่นด้วยไหม ซึ่งก็ได้รับรู้ว่า มีสามคน คือ เรา เขา และ เมทของเขาซึ่งเราก็รู้จัก

ด้วยคิดว่าคงไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ความไว้เนื้อเชื่อใจ และ สถานการณ์ เราออกไปซื้ออาหารรองท้องมาทานก่อนนอนด้วยซ้ำ ดังนั้น นี่คือเหตุการณ์ที่สามารถยืนยันได้ว่า “ไม่มีใครในห้องนั้นเมาแล้ว”

เหตุการณ์ประมาณ ตี 2-3 กว่าๆ เราปิดไฟนอนกันไป หอนั้นเป็นหอที่ชื่อแปลว่าต้นไม้ เป็นหอที่มี 1 เตียง เรานอนกันสามคน เรานอนริมหนึ่ง เขานอนกลาง และ เมทเขานอนอีกฝั่งหนึ่ง

เมื่อปิดไฟ สันดานคนก็ออก เขาเริ่มพยายามจะแตะเนื้อต้องตัวฉัน และจูบ ฉันจำได้ว่าฉันพูดว่า อย่า แล้ว และฉันก็ได้สู้แล้ว ทั้งกัดปากตอนเขาจูบ และการขัดขืนต่างๆ พยายามให้เตียงมันสะเทือนเพื่อจะปลุก แต่ในใจก็กลัวมาก จนไม่กล้าใช้เสียง เขาปลดกางเกงฉันสำเร็จจนได้ แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้น ฉันห้ามอะไรอีกไม่ได้แล้ว และมันก็จบลง อย่างน่าสะอิดสะเอียน เหม็น และ น่ารังเกียจที่สุด

ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว คนที่ข่มขืนฉันเขาหลับทันที รู้ได้จากเสียงที่กรนดัง ฉันใส่เสื้อผ้าและสำรวจทางหนี ก่อนที่จะหาทางออกมาได้

ประมาณตี 5 ไก่ว้าวกำลังจะหมด ฉันเดินออกมาจากหอต้นไม้นั่นแล้วสัญญาว่าจะไม่กลับไปอีก

กลับห้องมาก็ทักทายเมทไม่พูดไม่จา แล้วก็เข้าห้องน้ำไป อาบน้ำอยู่อย่างนั้น ถูจนแดงไปหมด โดยเฉพาะส่วนที่มันมีอะไรลุกล้ำเข้ามา อาบไปประมาณ 6-7 รอบ แล้วก็นั่งอยู่ในนั้นจนหมดคาบเช้า จนเมทออกไปที่ไหนสักแห่ง

แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไปเล่าให้เพื่อนที่ฉันคิดว่าสนิท ณ ตอนนั้น ที่รู้จักกับคนข่มขืนฉันฟัง เขาไม่ได้โตไปกว่าที่จะแนะนำอะไรดีดีได้ เพียงแต่พาไปกินขนมปลอบใจ

ฉันไม่รู้ด้วยทำยังไง ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่า ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว และอยากตาย พยายามจะเดินลงมาจากห้องผ่านระเบียงอยู่บ้าง แต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้

ปีสองฉันเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฉันไม่ไว้ใจใครขนาดนั้นอีก ประชดชีวิตตัวเอง แสร้งว่าฉันโอเคกับทุกเช้า จนเวลาผ่านไปสักพัก ฉันเล่าเรื่องนี้ให้เมทฟัง

ฉันพยายามมากๆ ที่จะทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ง่ายเลยในแต่ละวัน

สำหรับคำกล่าวหาที่ว่าทำไมต้องรอตั้งนานกว่าจะพูดเรื่องนี้ ตั้งใจจะทำลายฝ่ายผู้กระทำหรือ

อยากจะชี้แจงตรงนี้ว่า เราใช้เวลากว่าปีในการรักษาตัวเอง ในการอยู่กับคนที่เรารัก ผ่านไปมันเริ่มดีขึ้น เราหมดหนทางที่จะฟ้องร้องเพราะหมดอายุความไปแล้ว และเราเลือกที่จะเก็บไว้เหมือนคนอื่นๆ ที่โดนมา
เรายังไม่กล้าแลกกับสิ่งนี้ที่เราเผชิญ

จนเราไปเจอเขาในม็อบอีกครั้ง เขามาในฐานะผู้สื่อข่าวช่องหนึ่ง เราเห็นเขาแล้วเราตัวชาทันที เรากลัวขึ้นมาทั้งๆ ที่คนมันเยอะมาก เรากลับมาจิตตกแบบนั้น พูดซ้ำๆ ถึงเหตุการณ์วันนั้นให้แฟนฟัง และถามตัวเองว่าทำไม ทำไม ทำไม แล้วทุกลูปของการตอบคำถามในใจ จะตอบไม่ได้ในคำถามที่ว่า “ในขณะที่ฉันต้องทรมานกับบาดแผลและเยียวยามันด้วยตัวเอง เขาผู้เป็นคนทำความระยำนี้ต่อฉัน ทำไมเขาถึงไม่ต้องชดเชยอะไรเลย” ฉันตอบข้อนี้ไม่ได้

อาการแย่ เหมือนกลับมาตอนนั้นใหม่ๆ ฉันพยายามหาการบำบัด จนต้องสงสัยว่าทำไมฉันต้องจ่าย
และเมื่อเห็นการให้สัมภาษณ์ของเขาในเพจดัง ที่ช่างงดงามราวเทพบุตรผู้จุติมาอย่างขาวสะอาดพร้อมจรรยาบรรณ ฉันโกรธมาก และโกรธจนตัวสั่น มันจึงเกิดเป็นเหตุการณ์ที่ฉันกล้าที่จะออกมาพูดนี้

ฉันเพียงต้องการการปลดปล่อยจากคำถามที่ว่า “ทำไมเขาถึงไม่ได้รับอะไรเลย ไม่ยอมรับความเลวทรามที่ก่อ และ ขอโทษจริงๆเลย”

หวังว่าคุณคงเข้าใจฉันบ้าง และไม่ตัดสินฉัน
ยังปฏิบัติต่อฉันอย่างน่ารักเหมือนเดิม
และไม่ทำร้ายฉันด้วยคำถาม
ที่มุ่งกล่าวหาว่าฉันผิดอีกเลย
ขอบคุณ

เหยื่อสาวโพสต์สเตตัสด้วยว่า “เราได้ทำในสิ่งที่ทรมานที่สุดเท่าที่เหยื่อที่ถูกข่มขืนจะทำได้แล้วนะคะ เราเล่าแบบที่ว่าเหมือนวันนั้นสุดๆ เลย เราทำได้แค่นี้จริงๆ ในการเรียกร้องของเรา”

และยังว่า “เปิดกองทุนรับบริจาค เพื่อฟ้องหมิ่นประมาททุกกรณีค่ะ”

พร้อมกันนั้นยังได้โพสต์ข้อความที่ชาวเน็ตอินบ็อกซ์เข้ามาคุกคามทางเพศ รวมถึงคอมเมนต์บูลลี่ตามเพจต่างๆ

เพื่อนๆ ต่างเข้ามาให้กำลังใจ และชื่นชมในความกล้าหาญที่กล้าเปิดเผย

นอกจากนี้เหยื่อสาวรายดังกล่าวให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ด้วยว่า จนถึงตอนนี้มีผู้ที่ถูกกระทำในลักษณะคล้ายกันได้อินบ็อกซ์มาเล่าเหตุการณ์ 3-4 รายแล้ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image