‘บอร์แฮม วู้ด’ ทีมนอกสายตาสู่แจ็คผู้ฆ่ายักษ์

‘บอร์แฮม วู้ด’ ทีมนอกสายตาสู่แจ็คผู้ฆ่ายักษ์

ศึกเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบสี่ มีทีมที่หักปากกาเซียนล้มทีมใหญ่และมีทีมเล็กจากลีกรองที่ทำทีมใหญ่ต้องเหนื่อยไปจนถึงรอบต่อเวลาพิเศษ ม้านอกสายตาที่ผ่านเข้ารอบที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ คือ บอร์แฮม วู้ด ที่ได้ทำการปราบ บอร์นมัธ ทีมหัวตารางของศึกเดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ไปอย่างสุดช็อก ซึ่งทั้งสองทีมอยู่ห่างกันถึง 3 ดิวิชั่น

บอร์แฮม วู้ด ก่อตั้งเมื่อปี 1948 หรือเมื่อ 74 ปีที่แล้ว โดยใช้สนามเหย้าชื่อว่า เมย์โดว์ ปาร์ค ที่มีความจุ 1,400 ที่นั่ง ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา บอร์แฮม วู้ดยังไม่เคยขึ้นไปโลดแล่นในลีกอาชีพเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยผลงานที่ดีที่สุดของทีมคือการจบอันดับที่ 4 ของเนชั่นแนลลีก ในฤดูกาล 2017-18 หรือที่เรียกกันง่ายๆ ก็คือเป็นลีกที่อยู่ลำดับที่ 5 ของลีกทั้งหมดในประเทศอังกฤษ

จากการจบอันดับที่ 4 ของลีกนั้น ทำให้บอร์แฮม วู้ด ได้สิทธิลุ้นโควต้าเลื่อนชั้น แม้ว่าในรอบเพลย์ออฟ บอร์แฮม วู้ดจะชนะ ซัตตัน ยูไนเต็ด มาในรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ไปพลาดท่าแพ้ให้กับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ในนัดชิงชนะเลิศในฤดูกาล 2017-18 นั่นเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดสำหรับบอร์แฮม วู้ดในการเลื่อนชั่นขึ้นไปเล่นในลีกทู

Advertisement

ถ้วยแชมป์ใบล่าสุดที่สโมสรแห่งนี้สามารถเก็บเข้าตู้โชว์ได้ คือรายการ เฮิร์ตส์ แชริตี้ คัพ โดยทัพเดอะวู้ด สามารถเป็นแชมป์ได้ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2017-18 และ 2018-19 ส่วนผลงานที่ดีสุดของทีมในลีกคือการจบอันดับที่ 4 ในฤดูกาล 2017-18

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประธานสโมสรที่บริหารทีมมาอย่างยาวนานถึง 21 ปีอย่าง แดนนี่ ฮันเตอร์ จำใจขายบ้านของตัวเอง เพื่อพยุงสโมสรในการรับมือกับวิฤตทางการเงิน จากการสูญเสียรายได้เนื่องจากแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ปัจจุบันบอร์แฮม วู้ด อยู่อันดับที่ 5 ของตาราง ลงเล่น 23 นัด ชนะ 14 เสมอ 7 แพ้ 2 ยิง 34 ประตู และที่สำคัญเสียไปเพียงแค่ 15 ประตูเท่านั้นในลีก ซึ่งถ้าหากไล่ดูสถิติของทีมในลีก บอร์แฮม วู้ดเป็นทีมที่เกมรับดีที่สุด และเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก

Advertisement

ส่วนผลงานที่ผ่านมา บอร์แฮม วู้ดยังไม่แพ้ใครเลยมา 17 นัดติดต่อกันแล้ว ครั้งสุดท้ายที่แพ้ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในการแพ้ เชสเตอร์ฟิลด์ 1-2 และยังไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียวในรายการเอฟเอ คัพ นี่ถือเป็นทีมนอกสายตา ที่หักปากกาเซียนหลายต่อหลายคน อย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้มีเพียงสามครั้งเท่านั้นที่บอร์แฮม วู้ดสามารถเก็บชัยชนะได้เหนือทีมที่มีดิวิชั่นสูงกว่า ในศึกเอฟเอ คัพ โดยเป็นการชนะทีม แบล็คพูล ที่อยู่ในลีกวัน เมื่อปี 2017, เซาธ์เอนด์ ทีมที่อยู่ในลีกทู เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และ วิมเบิลดัน ทีมในลีกวัน ในเอฟเอ คัพ รอบสาม ฤดูกาลนี้ และผลงานล่าสุดในเอฟเอ คัพ รอบสี่ที่เอาชนะบอร์นมัธ 1-0 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการผ่านเข้าไปเล่นในเอฟเอ คัพ รอบห้า ได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร โดยจะลงฟาดแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน ในรอบถัดไป

บอร์แฮม วู้ด เป็นทีมแรกในรอบสองปีต่อจาก ลินคอล์น ซิตี้ และ ซัตตัน ยูไนเต็ด ที่เป็นทีมที่อยู่ในดิวิชั่น 5 แล้วสามารถเข้ามาสู่เอฟเอ คัพ รอบห้าได้สำเร็จ แต่ลินคอล์น ซิตี้สามารถต่อยอดเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือเอฟเอ คัพ รอบหก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งบอร์แฮม วู้ดก็ยังมีโอกาสเดินตามรอย แต่ก็ต้องฝ่าด่านของเอฟเวอร์ตันให้ได้ก่อน

ถ้ามองจากคุณภาพของโค้ช และตัวผู้เล่น แถมยังต้องลงเล่นในกูดิสัน ปาร์คอีกต่างหาก น่าจะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่บอร์แฮม วู้ด จะผ่านเข้ารอบไป แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอในรายการเอฟเอ คัพ ที่เรามักเห็นทีมเล็กๆ แปลงร่างเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ได้บ่อยครั้ง

ลุก การ์ราร์ด ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ชนะบอร์นมัธเอาไว้ว่า “พวกเราจะไปเวมบลีย์ เสียงเชียร์ของแฟนบอลเหมือนกับว่าแฟนบอลที่ตามมาเชียร์เราทั้ง 1,400 คนลงมาอยู่ในสนาม และก็จะเป็นที่กูดิสัน ปาร์คเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าเหลือเชื่อมาก นี่คือสิ่งที่สร้างจากความฝัน เห็นได้จากช่วงเวลาที่เฉลิมฉลองกันของแฟนบอลหลังจบเกม ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดในโลก อารมณ์ในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง และน่าเหลือเชื่อเอามากๆ”

การ์ราร์ดแสดงความนับถือต่อ แฟรงก์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน รวมทั้ง แอชลี่ย์ โคล ผู้ช่วยโค้ชเอาไว้ว่า “ผมรักแลมพาร์ดและโคล เขาเป็นแบ๊กซ้ายที่ดีที่สุดของอาร์เซน่อล”

การเจอกับเอฟเวอร์ตัน คงไม่ต่างอะไรกับนัดชิงชนะเลิศของผู้เล่นบอร์แฮม วู้ด ที่จะใส่สุด วิ่งไม่คิดชีวิตอย่างแน่นอน

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคงจะตราตรึง และจารึกอยู่ในหัวใจของแฟนบอลบอร์แฮม วู้ด ไปอีกนานแสนนาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image