สกู๊ปพิเศษ “บาร์เซโลน่า” ยอดทีมต่างดาวกับยุคเปลี่ยนผ่าน

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า เพิ่งการันตีตำแหน่งแชมป์ลาลีก้า สเปน สมัยที่ 25 โดย ลิโอเนล เมสซี่ แข้งซุปเปอร์สตาร์ของทีมทำแฮตทริกในเกมบุกเชือด เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 4-2

อีกทั้งบาร์ซ่ากำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ลีกแดนกระทิงดุด้วยสถิติไร้พ่าย โดยปัจจุบันเตะไป 34 นัด ชนะ 26 แพ้ 8 แถมยังมีแชมป์โกปา เดล เรย์ เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จอีก 1 รางวัล

หากอ่านคำบรรยายคร่าวๆ ข้างต้น ย่อมให้ความรู้สึกว่าบาร์ซ่ายังคงเป็น “ทีมต่างดาว” สุดแกร่งที่หลายคนหวั่นเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพรวมของสโมสรแห่งคาตาลันในยุคนี้ไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่เคยเป็น หรืออย่างน้อยๆ ก็กำลังถึงยุคเปลี่ยนผ่านเพื่อรักษามาตรฐานความยิ่งใหญ่ของตัวเองเอาไว้

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือวัย 54 ปี เข้ามารับช่วงคุมทีมต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ฤดูกาลแรก พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์นับว่าประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่น แต่พอไปมองการตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการบุกพ่าย โรม่า 0-3 ทั้งที่ได้เปรียบชนะ 4-1 ในนัดแรก เป็นการร่วงรอบ 8 ทีมสุดท้ายถ้วยใหญ่ของยุโรป 3 ปีติดต่อกัน ต้องถือว่าล้มเหลวไม่น้อย

Advertisement

กูรูลูกหนังวิเคราะห์จุดเปลี่ยนสำคัญที่ควรจะเกิดหรือกำลังจะเกิดกับบาร์ซ่าเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวังในรูปแบบเดิมๆ อีกครั้ง

อิเนียสต้าไป-คูตินโญ่กับเด็มเบเล่มา?
หลังจบฤดูกาลนี้ อันเดรส อิเนียสต้า กองกลางกัปตันทีมผู้เป็นฟันเฟืองสำคัญในยุคทองของบาร์ซ่ากำลังจะโบกมือลาทีมไปพร้อมสถิติลงสนามเกือบ 700 นัด และคว้าแชมป์น้อยใหญ่กับสโมสรถึง 32 แชมป์

หลังจากต้องเสีย เนย์มาร์ ให้กับ ปารีส แซงต์แชร์แมง และยังจ่อจะเสียจอมทัพอย่างอิเนียสต้าไปอีกราย ทำให้ผู้บริหารบาร์ซ่าต้องเร่งหาตัวตายตัวแทนมาถมช่องว่างโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้ข้อสรุปเป็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กับ อุสมาน เด็มเบเล่ ซึ่งค่าตัวรวมๆ กันแล้วเกือบ 300 ล้านปอนด์ (13,200 ล้านบาท)

Advertisement

ในรายของคูตินโญ่เรียกว่าปรับตัวเข้ากับระบบของบาร์ซ่าได้ตั้งแต่ 2-3 เดือนแรกที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่าเพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลียนจะถูกจับไปยืนตำแหน่งใดกันแน่ เพราะ 17 เกมที่ผ่านมา เขาโดนวางตัวให้เล่นทั้งปีกและมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งถ้าจะให้คูตี้เป็นตัวแทนของอิเนียสต้าเต็มตัว เจ้าตัวก็คงต้องลดบทบาทในเกมรุกลง แล้วถอยไปช่วยเกมตรงกลางให้มากกว่าเก่า

ส่วนเด็มเบเล่เริ่มต้นในถิ่นคัมป์นูไม่ค่อยน่าประทับใจนัก เพราะมีปัญหาเจ็บขาหนีบจนพักไปกว่า 3 เดือน แม้ปีกวัย 20 จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะมีโมเมนต์ที่น่าจดจำอยู่บ้าง เช่นการทำประตู เชลซี ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก

แต่ยังหาบทบาทที่ลงตัวในทีมไม่เจอ และที่สำคัญคือเจ้าตัวยังมีปัญหาเล่นเกมรับผิดพลาดบ่อยครั้งจนทีมเสียหาย ส่งผลให้แข้งวัย 20 ปี หลุดจากตัวจริงในเกมเยือนโรม่า กว่าจะได้ลงเล่นก็ช่วงท้ายเกมแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทั้งคูตินโญ่กับเด็มเบเล่ต่างก็ประสานงานกันได้ดีในเกมล่าสุดที่ชนะกอรุนญ่า ฤดูกาลหน้าคงต้องให้ทั้งคู่ลงสนามสม่ำเสมอมากขึ้น น่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นด้วย

เดี๋ยวกรีซมันน์จะมา?
หากบาร์ซ่าหวังจะทวงความยิ่งใหญ่ในเกมระดับทวีป แค่คูตินโญ่กับเด็มเบเล่อาจไม่เพียงพอ โดยหนึ่งในปัญหาหลักที่นักวิจารณ์มองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้บาร์ซ่าพ่ายโรม่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนคือ บัลเบร์เด้โรเตชั่นนักเตะน้อยเกินไป ทำให้ผู้เล่นตัวหลักบางคน ได้แก่ อิเนียสต้า, หลุยส์ ซัวเรซ, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เคราร์ด ปิเก้ รวมทั้ง เมสซี่ ต้องรับภาระหนักจนล้า

แต่ถ้าไม่เอาตัวหลักๆ เหล่านี้ลงในเกมลีก ก็มีสิทธิที่จะพลาดพลั้งโดน แอตเลติโก้ มาดริด รองจ่าฝูง ไล่ตามจนสถานการณ์ช่วงท้ายฤดูกาลสุ่มเสี่ยงจะพลาดแชมป์ได้ หากต้องการแก้ปัญหาตรงนี้ บาร์ซ่าก็จำเป็นต้องมองหานักเตะฝีเท้าเยี่ยมมาเสริมทัพ

ซึ่งหนึ่งในชื่อที่หลายคนคาดเดาคือ  อองตวน กรีซมันน์ แข้งชาวฝรั่งเศสของทีมตราหมีที่มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 100 ล้านยูโร (3,850 ล้านบาท)

นอกจากรีซมันน์แล้วยังมีข่าวว่า อาร์เธอร์ เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิลจาก เกรมิโอ ก็เตรียมย้ายมาด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,155 ล้านบาท) ในเร็วๆ นี้

สิ่งที่น่าห่วงในระยะยาวคือ การที่บาร์ซ่าต้องแก้ปัญหาด้วยการควักกระเป๋าซื้อผู้เล่นใหม่ๆ เข้าทีม แสดงให้เห็นว่าอคาเดมีลูกหนัง ลา มาเซีย ซึ่งเคยปั้นผู้เล่นดีๆ ขึ้นมาป้อนให้ทีมชุดใหญ่ดูผลงานจะขาดช่วงไปอย่างเห็นได้ชัด

เมสซี่เปลี่ยนแปลงบทบาท
ปัจจัยหนึ่งที่ยังช่วยให้บาร์ซ่าคงความยิ่งใหญ่ในบอลลีกบอลถ้วยท้องถิ่นในฤดูกาลนี้ ต้องขอบคุณลิโอเนล เมสซี่ แข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์ซึ่งยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอ โดย 3 ประตูที่ทำได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เมสซี่เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ลาลีก้าที่ทำประตูได้ 30 ลูกขึ้นไปได้ถึง 7 ฤดูกาล

ฤดูกาลนี้เมสซี่ลงสนาม 51 นัดในทุกถ้วย ยิงได้ 43 ประตู แอสซิสต์อีก 18 ลูก คิดเป็นสถิติการสังหารประตูต่อโอกาสที่ได้รับ 15.4 อีกทั้งยังสร้างสรรค์โอกาสรวม 116 ครั้ง และยิงตรงกรอบ 132 ลูก

วันนี้ในวัย 30 ปี เมสซี่อาจจะไม่เร็วเหมือนก่อน แต่ก็ทดแทนด้วยประสบการณ์ ความเก๋าเกม จากเดิมที่เคยเล่นเป็นกองหน้าเต็มตัว ตอนนี้ถอยไปเป็นหน้าต่ำหรือกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม ทำหน้าที่เชื่อมเกมระหว่างแดนหน้ากับแดนกลาง คอยควบคุมจังหวะของเกมคล้ายๆ สมัย ชาบี้ ยังอยู่กับทีม ขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นเครื่องจักรทำประตูที่ไว้ใจได้

หากเมสซี่ยังคงรักษาคุณภาพฝีเท้าของตัวเองเอาไว้ได้ ก็จะเป็นเสาหลักสำคัญซึ่งช่วยบาร์ซ่าวิวัฒนาการสู่ยุคสมัยใหม่โดยที่ยังไม่เสียมาตรฐานของตัวเองไปแบบน่าใจหายเหมือนหลายๆ ทีม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image