‘น้องแต้ว’ ไม่คาใจพ่ายหวิวกำปั้นไอริช ขอบคุณทุกเบื้องหลังความสำเร็จ
หลังจากที่ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักชกสาวไทยชาวอุดรธานี วัย 29 ปี ดีกรีรองแชมป์โลกปี 2018 ขึ้นสังเวียนโอลิมปิกเกมส์สมัยแรก พ่ายหวิวให้กับ เคลลี่ แอนเน่ แฮร์ริงตัน กำปั้นเต็งหนึ่งจากไอร์แลนด์ เจ้าของแชมป์โลกปี 2018 ด้วยสกอร์ 2-3 เสียง ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลต์เวท 60 กก.หญิง ทำให้ตกรอบรอบรองชนะเลิศ กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สังเวียนโกกุกิคุง อารีน่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม แต่ยังคว้าเหรียญทองแดงปลอบใจได้นั้น
หลังจากชก “น้องแต้ว” สุดาพร ให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า เราก็คงต้องยอมรับผลการตัดสินของกรรมการ แต่การคว้าเหรียญทองแดงได้ก็รู้สึกดีใจ เพราะเป็นความฝันของตัวเองในกีฬาโอลิมปิก ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง สำหรับการชกวันนี้ก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนผลการตัดสินที่ออกมาก็ต้องยอมรับ คะแนนที่ออกมา 2-3 ก็ถือว่าสูสี ซึ่งดูตามฟอร์มที่ต่อยก็ไม่ได้แตกต่างกัน คู่ชกรายนี้เป็นมวยชกยากที่เขามีสเต็ปที่ดี และต่อยยาว เขาเป็นมวยที่ขยับต่อยยาวแล้วสเต็ปออก ทำให้เราเข้าทำได้ยาก
“การแพ้คู่แข่งรายนี้ 2 ครั้งแล้วก็ไม่รู้สึกคาใจ เราก็ต้องกลับไปปรับปรุง ซึ่งกลับไปเราก็ต้องดูร่างกายก่อนว่ายังไหวไหม ถ้าไหวก็สู้ต่อในโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ส่วนทางบ้านก็ได้โทรคุยกับแม่ และแม่ก็บอกให้ทำเต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราได้ทำเต็มที่แล้วค่ะ ก็ขอขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทยทุกคนนะคะที่ส่งกำลังใจแรงใจมาเชียร์หนูในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ รวมทั้งขอขอบคุณไม่ว่าจะเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สมาคมกีฬามวยสากลฯ และผู้ฝึกสอนมวยสากลทุกคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนูในครั้งนี้ค่ะ” น้องแต้วกล่าวปิดท้าย
ด้าน แฮร์ริงตัน กล่าวว่า เคยเจอกับสุดาพร เมื่อปี2018 ซึ่งเป็นเกมที่ใช้สมองสุดๆ ไฟต์นี้ก็เช่นกัน เธอเหลี่ยมจัดมาก และเข้าวงในไม่ได้ เพราะหมัดซ้ายของสุดาพร ค่อนข้างหนัก เพียงแต่ว่าหมัดของเธอทำได้แค่ถากๆ ลำตัวเท่านั้น ทำให้ไม่นับเป็นแต้ม ส่วนตัวคิดว่าต่อยได้จะแจ้งกว่า พยายามอดทน และไม่ผลีผลาม โดยรู้สึกว่าเหมือนเธอคิดว่าเธอได้เปรียบอยู่เล็กน้อย จึงไม่เข้าทำเท่าไรในช่วงท้ายๆ
อย่างไรก็ตาม จากการที่ “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ทำให้ได้รับเงินรางวัลตามหลักเกณฑ์กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มอบให้เหรียญทองแดงโอลิมปิก ได้รับเงินรางวัล 4,800,000 บาท ตามหลักเกณฑ์จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ และแบ่งจ่ายรายเดือนเป็นเวลา 4 ปี รวมทั้งยังได้รับเงินอัดฉีดจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) มอบเงินรางวัลอัดฉีดพิเศษ 2 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กำหนดให้เงินรางวัลนักกีฬาที่ได้รับเหรียญโอลิมปิกเกมส์ เป็นรายเดือน รวมเวลา 20 ปี เหรียญทอง เดือนละ 12,000 บาท เหรียญเงิน 10,000 บาท และเหรียญทองแดง 8,000 บาท โดยสุดาพรจะได้รับเงินเดือน 8,000 บาท รวมเป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นเงิน 1,920,000 รวมทั้งสิ้นน้องแต้วรับเงินรางวัลอัดฉีดเบื้องต้นแล้ว 8,720,000 บาท
สรุปผลงานของ 4 นักชกไทยในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 คว้าได้ 1 เหรียญทองแดง ซึ่งเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของมวยสากลหญิงไทยจาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60 กก.หญิง ส่วนผลงานนักชกรายอื่น ดังนี้ “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี รุ่น 57 กก. ชาย รอบ 8 คนสุดท้าย, “เฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 51 กก. หญิง รอบ 8 คนสุดท้าย และ “ครีม” ใบสน มณีก้อน รุ่น 69 กก.หญิง รอบ 16 คนสุดท้าย
