
ทรัมป์กร้าวให้ฮามาสปล่อยตัวประกัน ก่อน 20 มกราคม 2568 ขณะที่รัฐบาลไทยมีเสียงแผ่วเบา ช่วยตัวประกันไทย

รายงานพิเศษ | มงคล วัชรางค์กุล
ทรัมป์กร้าวให้ฮามาสปล่อยตัวประกัน
ก่อน 20 มกราคม 2568
ขณะที่รัฐบาลไทยมีเสียงแผ่วเบา
ช่วยตัวประกันไทย
มติชนออนไลน์ 3 ธันวาคม 2567 โปรยหัวว่า
ทรัมป์ขีดเส้นตาย 20 มกราคม 2568 ปล่อยตัวประกันกาซา มิฉะนั้น ตะวันออกกลางเจอดีแน่
โดยอ้างถึงแหล่งข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ขีดเส้นตายว่า หากตัวประกันที่ถูกจับตัวอยู่ในฉนวนกาซายังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนวันที่ 20 มกราคม 2568 ซึ่งจะเป็นวันที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ภูมิภาคตะวันออกกลางจะต้องเจอกับผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา
ย้อนหลังไปสู่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่เวียนมาถึงอีกครั้ง ตรงกับวันครบรอบ 1 ปีที่ฮามาสบุกอิสราเอล
มีการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นของเมื่อปีที่แล้ว ณ บริเวณลานคอนเสิรต์ที่เมือง Netivot ทางใต้ของอิสราเอลในเทศกาลดนตรี Nova Music Festival ที่บรรเลงกันมาทั้งคืนจนสว่างคาตา
เช้าตรู่ 6 โมง 39 นาที หน่วยหน้าของขบวนการฮามาสข้ามพรมแดนจากฉนวนกาซา รุกล้ำเข้ามา 30 ก.ม. พุ่งเข้าโจมตีผู้คนที่กำลังเต้นรำบนเวทีคอนเสิรต์โต้รุ่ง หน่วยรบนี้เคลื่อนที่ด้วยมอเตอร์ไซค์ขี่มาคันละ 2 คน จำนวนร่วมร้อยคัน พร้อมหน่วยสังหารที่มากับรถปิกอัพอีกหลายสิบคัน
CNN มีภาพข่าวให้ดูกองกำลังฮามาสกราดกระสุนใส่กลางเวทีคอนเสิร์ต ผู้คนแตกกระเจิงวิ่งหนีเอาตัวรอดมายังลานจอดรถ เพื่อขับรถหนี
แต่อนิจจา ไม่มีใครมีชีวิตรอดถึงรถยนต์ เพราะฮามาสตั้งแนวขวางเส้นทางสู่ลานจอดรถ แล้วกราดยิงทิ้งทุกคนที่วิ่งสู่ลานจอดรถ
เป็นภาพการสังหารหมู่ที่สยดสยองที่สุดในปี 2566
ฮามาสยังบุกเข้าสู่บ้านเรือนผู้คนบริเวณนั้น ฟาร์มเกษตรในคิบบุตซ์หลายแห่งทั่วชายแดนด้านนี้ สังหารผู้คนไม่เลือกหน้า พร้อมกวาดต้อนคนหนุ่มสาว คนแก่เฒ่าและลูกเด็กเล็กแดงไปเป็นเชลย
คนงานฟาร์มชาวไทยจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลยด้วย
มีหญิงสาวอิสเรลลี่คนหนึ่งรอดจากการสังหารและไม่ตกเป็นเชลยด้วยการแกล้งนอนตายเคล้ากับกองซากศพ เสื้อผ้าเธอชุ่มฉ่ำด้วยคราบเลือดจากผู้ถูกยิง
ฮามาสสังหารผู้คนเฉพาะในเทศกาลดนตรีมากกว่า 360 คน
มีคนอิสเรลลี่และคนสัญชาติอื่นที่ถูกสังหารในการบุกวันนั้น 1,139 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทยอย่างน้อย 39 คน ที่ทำงานในคิบบุตซ์บริเวณนั้น 17 พฤษภาคม 2567 น.ส.พ.ข่าวสดยืนยันว่ามีคนไทยถูกสังหารในการบุกของฮามาส 41 คน
นอกจากภาพการสังหารหมู่ในเทศกาลดนตรีที่ CNN นำมาให้ดูแล้ว ยังมีคลิบฆ่าตัดคอเชลยที่ฮามาสนำออกเผยแพร่ เป็นภาพเชลยนั่งคุกเข่า มือผูกมัดไขว้หลัง แล้วฮามาสบั่นคอ เผยแพร่ในที่ประชุมใหญ่ UN
ทูตอิสราเอลบรรยายในองค์การสหประชาชาติบอกว่า
“เชลยที่ถูกฆ่าตัดคอไม่ใช่ชาวอิสเรลลี่ แต่เป็นคนไทย”
เป็นที่น่าสังเกตว่าเอกอัครราชทูตไทยประจำ UN ไม่ได้มีปฏิกิริยาหรือพูดเรียกร้องขอความเห็นใจจากนานาชาติแต่อย่างใด ทั้งที่มีคนไทยถูกฮามาสฆ่าบั่นคอ แถมคนไทยยังตายมากเป็นอันดับสองรองจากอิสเรลลี่
รัฐบาลไทยไม่เคยแถลงว่า ตัวประกันไทยที่ถูกฆ่าบั่นคอเป็นใคร ชื่อเรียงเสียงใด อายุเท่าไร ชาวจังหวัดไหน แต่ผมเข้าใจว่าสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยคงเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือครอบครัวตัวประกันที่ถูกฆ่าบั่นคอนี้เป็นอย่างดีแล้ว
มีคนประมาณ 251 คนถูกจับเป็นเชลยข้ามไปกาซาเพื่อเป็นตัวประกัน ข่าวขณะนั้นบอกว่าเป็นคนไทยอย่างน้อย 32 คน
ในห้วงเวลานั้น เว็บไซต์ตัวประกันของอิสราเอลลงชื่อ รูปถ่ายตัวประกันอิสเรลลี่ และตัวประกันชาติอื่นๆ มีชื่อและรูปถ่ายตัวประกันไทย 12 คน
ผมนำชื่อและภาพถ่ายตัวประกันไทยทั้ง 12 คนมาเผยแพร่ในเฟซสบุ๊กเพื่อให้คนไทยรู้ข่าว
หลังจากนั้นตัวประกันไทยในภาพถ่ายทั้ง 12 คนรวมทั้งตัวประกันไทยอื่นรวมเป็น 23 คน ได้รับการปล่อยตัวในการแลกเปลี่ยนตัวประกันครั้งแรก
น.ส.พ. The Wall Street Journal ทำสกรู๊ปเต็มหน้าเล่าเรื่องพร้อมภาพประกอบบรรยายถึงความพยายามช่วยเหลือตัวประกันไทยผ่านทาง Qatar ที่เป็นคนกลางเจรจากับฮามาส และผ่านทางประธานรัฐสภาไทยที่เป็นมุสลิมมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับบุคคลระดับสูงของอิหร่านจนประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น รัฐบาลไทยไม่เคยเอ่ยถึงตัวประกันไทยที่ยังตกค้างอีกอย่างน้อย 8 คนแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีอเมริกา เปิดเผยในการปราศรัยเปิดตัวเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในงาน 2024 Democratic National Convention เมื่อ 23 สิงหาคม 2567 ว่า วันที่ฮามาสบุกเมื่อ 7 ตุลาคมนั้น มีผู้หญิงถูกข่มขืนอย่างทารุณก่อนถูกฆ่าทิ้งมากกว่า 200 คน กมลาบอกว่าเป็นเรื่องขมขื่นที่ไม่อาจให้รายละเอียดบรรยายใดๆ ได้
เรื่องผู้หญิงถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งโดยฮามาสมากกว่า 200 คนนี้ ไม่เคยปรากฏในแหล่งข่าวใดมาก่อน แต่เมื่อมาจากปากคำของกมลา แฮร์ริส ย่อมเชื่อถือได้
ทั้งหมดคือสิ่งที่ฮามาสต้องชดใช้ กองกำลังป้องกันอิสราเอล ( Israel Defense Forces – IDF ) ประกอบด้วยกองกำลังทั้งกองทัพบก, กองทัพอากาศและกองทัพเรือ จึงบุกเข้าถล่มกาซาเพื่อตามทำลายล้างผู้นำฮามาสและเหล่านักรบฮามาส
อิสราเอลบอกให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกเป็นจุดๆ ก่อนจะส่งเครื่องบินเข้าทิ้งระเบิดแล้วส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าเคลียร์
ในการเข้าเคลียร์กาซา อิสราเอลเพิ่งค้นพบว่าฮามาสลอบขุดอุโมงค์ไว้เป็นเครือข่ายยาวกว่า 500 ก.ม. ยาวกว่าอุโมงค์รถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก ในแต่ละอุโมงค์จะมีซอกหลืบเพื่อซ่องสุมเหล่านักรบหรือเพื่อกักกันเชลย รวมทั้งเป็นที่ซ่อนอาวุธ
ปาเลสไตน์ปกครองตนเองมานานกว่า 18 ปี หลังจากข้อตกลงออสโล ปี 1993 ที่อิสราเอลรับรองปาเลสไตน์และปาเลสไตน์รับรองดินแดนของอิสราเอล
ในขณะที่กลุ่มฮามาสเป็นชาวปาเลสติเนียนที่ได้รับเลือกตั้งให้ปกครองกาซาตั้งแต่ปี 2007 ฮามาสนำเงินช่วยเหลือจาก UN, สหรัฐ, ประเทศใน EU มากกว่าปีละ 1,500 ล้านดอลลาร์ มาลักลอบขุดเครือข่ายอุโมงค์ทั่วกาซาตลอดเวลา 18 ปี โดยหน่วยสืบราชการลับ “มอสซาด” ของอิสราเอลไม่รู้ระแคะระคาย
อุโมงค์เหล่านี้มีทางขึ้นลงอยู่ใต้ที่อยู่ชุมชน คือใต้โรงเรียน ใต้โรงพยาบาล ใต้สุเหร่า
ฮามาสถูกกล่าวหาใช้ชุมชนปาเลสไตน์เป็นโล่มนุษย์
IDF จึงใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่แหล่งกำบังปากอุโมงค์ก่อนจะใช้กองกำลังรถถังและทหารพื้นดินบุกทำลาย
ผลการกวาดล้างของอิสราเอล คือชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปอย่างน้อย 42,000 คน บาดเจ็บหลายหมื่นคน ไร้ที่อยู่อาศัยนับจำนวนไม่ถ้วน
ชาวปาเลสไตน์ต้องจ่ายแพงเมื่อยอมให้ฮามาสใช้เป็นโล่มนุษย์
มีเจ้าหน้าที่ UN ในปาเลสไตน์มากกว่า 90 คนถูกจับข้อหารู้เห็นเป็นใจกับฮามาส
นายกรัฐมตรีเนทันยาฮูแห่งอิสราเอล เดินทางมาปราศรัยที่รัฐสภาสหรัฐอเมริกาเมื่อ 24 กรกฎาคม 2567 ได้รับเสียงปรบมือยืน Standing ovation เป็นช่วงๆ ตลอดเวลา จนจบการปราศรัยด้วย Standing ovation ยาวนาน
วันรุ่งขึ้น เนทันยาฮูเข้าพบไบเดนและกมลา แฮร์ริส ที่ทำเนียบขาว แล้ววันต่อมาบินไปพบทรัมป์ที่อาณาจักร Mar-a-Lago ที่ฟลอริดา
เนทันยาฮูตีสนิททั้งแฮร์ริสและทรัมป์ ใครมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกาก็ไม่มีวันทอดทิ้งอิสราเอล
เมื่อ 1 สิงหาคม 2567 กองกำลัง IDF พบซากศพตัวประกัน 6 ศพในอุโมงค์ อิสราเอลพิสูจน์ DNA รู้ชื่อหมด เอาชื่อและรูปมาให้ดู หนึ่งในหกคือตัวประกันอิสเรลลี่ที่ถือสัญชาติอเมริกันด้วย เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในอเมริกา เพราะหมายความว่ามีชาวอเมริกันถูกฮามาสฆ่าตายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ประธานาธิบดีไบเดนโทรศัพท์ไปแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ตัวประกันชาวอเมริกันที่ถูกฆ่า
การที่ IDF ค้นพบซากศพตัวประกัน 6 คนในอุโมงค์ ก่อให้เกิดกระแสการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในอิสราเอล และเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางปล่อยตัวประกันโดยด่วนที่สุด วันจันทร์ สหภาพแรงงานขนส่งอิสราเอลประกาศนัดหยุดงานทั่วประเทศ การคมนาคมทั่วอิสราเอลเป็นอัมพาต สนามบินเทลอาวีฟหยุดให้บริการ
ผู้เดินขบวนเรือนแสนรายล้อมรอบบ้านพักนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะที่เนฮันยาฮูประกาศไม่ยอมย่อย่นให้ฮามาส
พิธีรำลึกถึงเหตุการณ์ 7 ตุลาคม จัดขึ้นที่ลานคอนเสิรต์ ณ จุดที่เกิดโศกนาฏกรรม เวลาเช้า 06.39 น. มีเสียงบรรเลงเพลงเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว ทั่วบริเวณมีแท่นไม้ปักรูปและชื่อผู้เสียชีวิตพร้อมช่อดอกไม้ไว้โดยทั่ว ญาติมิตรผู้ตายก่นร่ำไห้บริเวญรูปโดยรอบ นั่นคือนาทีแห่งความโศกาอาดูร
นอกจากนี้ การรำลึกวันที่ 7 ตุลาคม ยังดำเนินไปทั่วประเทศอิสราเอล อีกทั้งการเดินขบวนกดดันให้รัฐบาลดำเนินการปล่อยตัวประกันก็แผ่ขยายไปทั่ว โดยหนาแน่นเรือนแสนที่หน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู
รัฐบาลอิสราเอลประกาศว่ายังมีชาวอิสราเอลตกเป็นตัวประกันอยู่ 97 คน มีการติดชื่อและรูปตัวประกันที่กำแพงกรุงเยรูซาเลม
รัฐบาลอเมริกันติดรูปและประกาศรายชื่อคนอเมริกัน 7 คนที่ยังเป็นตัวประกันในกำมือฮามาส ไบเดนปราศรัยยกย่องจิตวิญญาณในการต่อสู้ของชาวยิว
แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากชาติที่มีตัวประกันคงอยู่ในมือฮามาสเป็นอันดับสอง คือตัวประกันชาวไทย 8 คน
มีรายงานข่าวว่า ตัวประกันไทย 2 คนเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถึงวันนี้รัฐบาลไทยนิ่งเฉย ไม่มีแถลงการณ์ใดๆ เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันชาวไทย และไม่มีการแถลงว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต


