หมดยุคทองของเบลเยียม เรื่องจริงหรือแค่ลดความกดดัน?

หมดยุคทองของเบลเยียม เรื่องจริงหรือแค่ลดความกดดัน?

เบลเยียมเป็นทีมเต็งในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์มาตลอดในหลายปีหลัง เพราะมีนักเตะชั้นยอดมากมาย จนถึงเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว ถึงขั้นถูกยกให้เป็น “ยุคทอง” หรือโกลเด้น เจเนเรชั่น 

ทุกตำแหน่งต่างมีผู้เล่นฝีเท้าดีอยู่มากกว่า 1 คน ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ชื่อของ ธิโบต์ กูร์ตัวส์, เควิน เดอ บรอยน์, แวงซ็องต์ กอมปานี, เอเดน อาซาร์, โรเมลู ลูกากู ที่ร่วมเล่นในทีมเดียวกัน ก็ย่อมทำให้แฟนบอลฝันถึงการเป็นแชมป์ยูโรหรือฟุตบอลโลกเป็นธรรมดา

ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปเคยขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก และรักษาอันดับสูงสุดของโลกไว้ได้ตั้งแต่ปี 2018-2021 หลังจากคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 และตอนนี้ก็ยังเป็นเบอร์ 2 ของโลก รองจากบราซิลเท่านั้น 

Advertisement

เวลาผ่านไป ร่างกายของดาวดังก็ร่วงโรย ผลงานก็ไม่อันตรายเหมือนเดิม บางคนก็ถึงเวลาที่ต้องเลิกเล่น อาซาร์ผู้พี่นับตั้งแต่ย้ายออกจากเชลซีไปรีล มาดริด เขาเจออาการเจ็บรบกวน จนพิษสงแทบไม่เหลือ กอมปานีเลิกเล่นไปแล้ว เดอ บรอยน์ อาจจะยังอยู่ในระดับเวิลด์คลาสกับสโมสร แต่การจะต้องแบกทีมที่องค์ประกอบเปลี่ยนไปจาก 4-6 ปีก่อนไม่ใช่เรื่องง่าย

ก่อนเกมที่เบลเยียมจะลงเตะกับโมร็อกโก ในฟุตบอลโลก 2022 เดอ บรอยน์ ออกมายอมรับว่า ยุคทองของเบลเยียมผ่านไปแล้ว และพวกเขาแก่เกินกว่าจะหวังไปแชมป์ ถึงขั้นยืนยันว่าไม่มีโอกาสที่จะเป็นแชมป์ในเวิลด์คัพหนนี้เลยด้วยซ้ำ

“ผมคิดว่าเรามีโอกาสที่ดีในปี 2018 เพราะตอนนี้ทีมเราดีมากๆ แต่ตอนนี้เราแก่เกินไป เสียผู้เล่นคนสำคัญไปหลายคน ถึงแม้จะมีนักเตะดีๆ เข้ามาเสริม แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ากับเมื่อ 4 ปีก่อน ผมว่าเราไม่อยู่ในทีมที่มีลุ้นแชมป์เลย”

Advertisement

อาจจะมองในอีกมุมว่า จอมทัพกัปตันทีมพยายามลดความกดดันลง 

เกมกับโมร็อกโกเบลเยียมต้องการชัยชนะเพื่อยึดหัวตารางของกลุ่มอี และไม่น่าจะเป็นงานยาก ถ้าเทียบกันที่ชื่อชั้นของนักเตะ และอันดับโลก รวมทั้งอายุเฉลี่ยของนักเตะ 26 คน อยู่ที่ 27.8 ปี มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ก็ถือว่าอยู่ในช่วงพีกของการค้าแข้ง แต่ถ้าเจาะลงไปในรายละเอียด 11 ตัวจริง ก็อายุเลย 30 กันไปถึง 7 คน

ผลเกมนี้ลงเอยด้วยชัยชนะของโมร็อกโก 2-0 ถึงแม้ว่าเบลเยียมจะครองบอลได้มากกว่า แต่ความเฉียบขาดในแดนหน้าแบบที่เคยเห็น หายไปแบบน่าใจหาย

แยน แฟร์ตองเก้น กองหลังตัวเก๋าออกมาแย้มบรรยากาศในห้องแต่งตัวของเบลเยียมว่า มันมีหลายอย่างอยู่ในใจเขาตอนนี้ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาพูดกันนอกห้องแต่งตัว 

เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่า ความสัมพันธ์ภายในทีมมีรอยร้าวเกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว 

นับตั้งแต่ปี 2012 ที่เริ่มเข้าสู่ยุคทองของเบลเยียม ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปก็ไม่เคยตกรอบแรกในรายการระดับเมเจอร์อีกเลย ฟุตบอลโลก 2014 ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยน้ำมือของอาร์เจนตินา ยูโร 2016 แพ้เวลส์ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 คว้าอันดับ 3 และในยูโร 2020 พ่ายอิตาลี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ 

นัดสุดท้ายของกลุ่มที่จะเจอกับโครเอเชีย โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือของทีมมีหน้าที่เรียกความเป็นหนึ่งเดียวในทีมกลับมาให้ได้ และถ้าผ่านโครเอเชีย เข้ารอบต่อไปได้ บรรยากาศก็น่าจะดีขึ้น แต่ถ้าจบแบบตรงข้าม คงได้เห็นจุดจบยุคทองของเบลเยียม

หลายคนน่าจะประกาศอำลาทีมชาติ มาร์ติเนซที่ได้รับโอกาสคุมทีม 6 ปี และมีวัตถุดิบชั้นเลิศให้ใช้งาน แต่กลับไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลย คงต้องไปหางานใหม่ทำ

คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของวัฏจักรฟุตบอลที่วนเข้ามาสู่ช่วงต้องสร้างทีมกันใหม่ของเบลเยียม แต่ก็มีสัญญาณที่ดี เพราะนักเตะหน้าใหม่ต่างเติบโตกันตบเท้าเข้ามาพร้อมรับช่วงต่อแล้ว เลอันโดร ทรอสซาร์, ชาร์ลส์ เดอ เคเลลาเอเร่, อามาดู โอนาน่า, อาร์เธอร์ เธอาเต้, เวาต์ ฟาส ถือเป็นแข้งที่จะร่วมกันสร้างโกลเด้น เจเนเรชั่น ยุคใหม่ให้เบลเยียมได้

เหนือสิ่งอื่นใด เบลเยียมยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ที่กาตาร์ ต้องดูกันว่าผลงานจะลงเอยกันแบบไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจบเวิลด์คัพหนนี้ ถ้าไม่มีแชมป์กลับบ้าน 

การเปลี่ยนแปลงคงเกิดขึ้นมากมายแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image