‘โกลเบล็ก’ ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนขาขึ้น แนะดักทางหุ้นท่องเที่ยวฟื้นแน่ หลังคลายล็อกดาวน์

โกลเบล็กประเมินดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนขาขึ้น แนะดักทางหุ้นท่องเที่ยวฟื้นแน่ หลังคลายล็อกดาวน์

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินทิศทางการลงทุนในขณะนี้ หลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์เฟส 3 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาคการลงทุนเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ส่อแววจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง สะท้อนได้จากบรรดาผู้ประกอบการเริ่มทยอยออกแพคเกจท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้คนกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น หลังจากประสบปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนทำให้ธุรกิจเกิดการชะลอตัวตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้นในกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์ต่อกรณีดังกล่าวคือ กลุ่มท่องเที่ยว โดยคัดเลือกมา 5 หุ้นเด่นที่น่าจับตา ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT, AAV และ BA ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการออกแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวผันผวนในลักษณะไซด์เวย์ขึ้น โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ1,430-1,475 จุด โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่ง สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง รวมถึงกลุ่มโอเปกพลัส ที่สามารถบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปอีก 1 เดือนจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ประกอบกับหลายประเทศทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้อุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวนางสาววิลาสินีกล่าว

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากระดับมูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ของตลาดหุ้นไทย ที่ค่อนข้างแพง โดยในปัจจุบันมีการซื้อขายที่ระดับ P/E 20 เท่า ซึ่งสูงสุดในภูมิภาค จึงเป็นสาเหตุทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และหันไปลงทุนประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันแทน อีกทั้งค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบจากปลายไตรมาส 1/2563 ส่งผลลบต่อการส่งออก ซึ่งหากค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง กังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเข้าแทรกแซงในการดูแลค่าเงินบาท เพื่อป้องการการส่งออกหดตัว

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การเปิดเผยว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของสหภาพยุโรป (อียู) ประจำไตรมาส 1 ที่ผ่านมา รวมทั้งการเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพฤษภาคม สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเมษายน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนเมษายนของสหรัฐ และวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) และจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) และดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนพฤษภาคม ส่วนสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพฤษภาคม สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รวมถึงการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยด้วย ในส่วนของทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ คาดว่ายังคงผันผวนในกรอบ1,670-1,715 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือ 24,910-25,640 บาทต่อบาททองคำ โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ให้เล่นเก็งกำไรในกรอบดังกล่าว แต่หากหลุดแนวรับที่ 1,670 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ให้ขายออกทันที

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image