กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สนั่นเมือง กรณี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเตือนการเลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรงจากซีรีส์ชื่อดัง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาชญากรรมได้
ซีรีส์ สควิด เกม (Squid Game) จากเกาหลีใต้ กำลังเป็นปรากฏการณ์ติดอันดับยอดผู้ชมสูงสุดในเน็ตฟลิกซ์ (Netflix)
เป็นซีรีส์แนวเอาตัวรอด สร้างกระแสฮิตไปทั่วโลก เนื้อหาเล่าถึงกลุ่มคนสิ้นหวังในชีวิตเข้ามาร่วมเล่นเกม 6 เกม ค้นหาผู้รอดชีวิตเพียง 1 เดียว เพื่อรับเงินรางวัลมหาศาล 45,600 ล้านวอน หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท
ในแต่ละเกมมีการแข่งขันเกมง่ายๆ แบบเด็กๆ แต่เดิมพันดันสูงลิ่ว นั่นคือการ “เอาชีวิตเป็นเดิมพัน”
ปมวิพากษ์วิจารณ์คือเป็นหน้าที่ของตำรวจหรือไม่ และในวงการตำรวจยังมีเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้นมากมายทำไมไม่จัดการ มายุ่งเรื่องความบันเทิงทำไม
ความจริงหน่วยงานหลักน่าจะเป็นกระทรวงวัฒนธรรม ที่มี นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นรัฐมนตรี น่าจะออกมา
“แอ๊กชั่น” เรื่องนี้มากกว่าหรือไม่
พ.ต.อ.กฤษณะระบุว่า การแจ้งประชาสัมพันธ์ประเด็นนี้เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้แจ้งเตือนการรับรู้ถึงพิษภัย อาจตามมาจากสื่อต่างๆ ให้กับประชาชนได้รับทราบ
รวมถึงประชาสัมพันธ์แนวทางการหลีกเลี่ยง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นการป้องกันการก่อปัญหาอาชญากรรมให้กับประชาชน
โดยเฉพาะเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน การรับชมซีรีส์ หรือภาพยนตร์ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยม
ถ้ามองว่าเป็นการทำงานในเชิงรุกอีกรูปแบบ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
แต่ปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ เป็นเพราะประชาชน “ไม่เชื่อมั่น” ภาพพจน์ตำรวจมีปัญหาถูกสั่นคลอนอย่างหนัก
มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในแวดวงตำรวจ โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดคดี “โจ้ถุงดำ” สะท้อนภาพของความเหลวแหลกในวงการตำรวจได้คมชัดมาก
กรณีนี้เป็นเพียงแค่กรณีเดียว แต่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เพราะเกิดความขัดแย้งกันในแวดวงตำรวจด้วยกันเอง จึงเกิดรายการปล่อยคลิป
ส่วนที่ประชาชนยังไม่ได้เห็นยังมีอีกเท่าไหร่
ลองไปถามชาวบ้านร้านรวงเรื่องประเด็นปัญหาที่เคยได้สัมผัสพฤติกรรมตำรวจ “นอกรีต” ดูว่า เคยเจออะไรกันมาบ้างสารพัดรูปแบบ
แต่กังวลว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจการทำงานตำรวจ “น้ำดี” ที่มีอยู่อีกจำนวนมาก
ดังนั้น สิ่งที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ต้องเร่งดำเนินการคือ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้
ไม่ต้องรอให้นักการเมือง หรือใครเข้ามา “ปฏิรูปตำรวจ”
แต่ตำรวจควรร่วมมือร่วมใจ “ปฏิรูปตัวเอง” เริ่มจากตัวเองก่อน แล้วที่เหลือจะตามมาเอง
ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งดีและสร้างสรรค์ ต้องลงมือทำทันที ไม่ว่าจะมีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ว่ามาสนใจแต่เรื่องเล็กๆ หรือไม่ก็ตาม
แต่สิ่งสำคัญต้องทำคู่ขนานกับเรื่องใหญ่ๆ ไปด้วยกัน อย่างเช่น การซื้อขายตำแหน่ง ต้องพยายามทำให้เรื่องเหล่านี้ลดน้อยลงให้มากที่สุด
เพราะเป็น “รากเหง้า” สำคัญของปัญหาในวงการตำรวจ
ต้องเริ่มจากตัว ผบ.ตร.ก่อนเลย สร้างวัฒนธรรมห้ามซื้อขายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน
วางเกณฑ์คัดเลือกคนให้มีมาตรฐาน วัดกันที่ “ผลงาน” ไม่ใช่เงิน
อย่าให้วัฒนธรรมการ “ซื้อขายตำแหน่ง” เบ่งบานอยู่ในวงการตำรวจอีกต่อไป
จะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้ตำรวจน้ำดีที่มีอยู่ทั่วประเทศได้อย่างมหาศาล
ส่วนถ้าหากมีใบสั่งมาจากระดับนโยบาย ผบ.ตร.ก็ต้องกล้าหาญที่จะไม่สนองตอบ
จะเป็นความหวังของประชาชน ไม่ต้องหวาดผวากับตำรวจนอกรีตที่มีพฤติกรรม “น่ากลัว” ยิ่งกว่าอาชญากรอีกต่อไป
เป็นเรื่องของความกล้าหาญลุกขึ้นมาปฏิรูปตัวเอง เพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา
มีคำถามแค่ว่า “กล้าหรือไม่” เท่านั้น
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา