‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้เก็บ “ภาษีหุ้น” ปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ยืดฐานะ จี้รัฐควรเก็บภาษีที่ดินเหลื่อมล้ำสูง

‘ทีดีอาร์ไอ’ชี้เก็บ”ภาษีหุ้น”ปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ยืดฐานะ จี้รัฐบาลควรเก็บเงินภาษีที่ดิน สร้างความเหลื่อมล้ำสูงคนแค่ 5%ถือครองที่ดินสูงถึง80%

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย หรือ (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีขายหุ้น จะต้องมองหลักการเรื่องเส้นทางในการพัฒนาเพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยสิ่งที่ภาครัฐตั้งเป้าคือ การพัฒนาเพื่อให้มีความเสรีเหมือนสหรัฐ เป็นรัฐสวัสดิการเหมือสแกนดิเนเวีย

นายนณริฏ กล่าวว่า สิ่งที่เราทำคือ การไปดูว่ามีอะไรที่แตกต่างจากเขาบ้าง ก็ปรับเปลี่ยนตามเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราไม่มีคู่มือที่บอกว่าต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลมักจะทำคือ การปรับในสิ่งที่ง่ายก่อน แต่สิ่งที่ยากกลับไม่ทำ ทำให้อาจส่งผลเสียในอนาคตได้

อาทิ เราต้องการปลูกข้าว แต่ไปใส่น้ำเติมปุ๋ยก่อน แต่ยังไม่ได้หว่านเมล็ด ก็อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้น โดยมองว่าหากรัฐบาลต้องการเงินจริง ก็มีเครื่องมือในการใช้ที่หลากหลาย มีภาษีหลายตัวที่เรายังไปไม่ถึงต้นแบบที่อยากทำ ได้แก่ ภาษีที่ดิน ซึ่งเป็นตัวที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก เพราะหากประเมินจากคนถือครองที่ดินในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของคนไทยทั้งประเทศที่ถือครองที่ดินสูงถึง 80% ในภาพรวมของประเทศ

ขณะที่คนอีก 20% ถือครองที่ดินส่วนที่เหลือ ซึ่งหมายความว่าคนไทยอีก 75% ยังไม่มีที่ดินทำกินและที่ดินสำหรับอยู่อาศัย รวมถึงมองว่าตลาดทุนไม่ใช่ตลาดของคนรวยเสมอไป แต่เป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะลงทุนอย่างถูกต้องเพื่อเปลี่ยนชีวิตให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะโอกาสประสบความสำเร็จจากการทำงานยากขึ้นจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Advertisement

“การที่คนรุ่นใหม่ใช้ตลาดทุนหรือตลาดหุ้น ในการช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถลงทุนได้อย่างถูกต้อง และใช้เป็นเครื่องมือในการยืดฐานะขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการถือครองที่ดิน หรือลงทุนในส่วนนี้ อาทิ ที่ดินบริเวณสุขุมวิท ที่สามารถสร้างมูลค่าได้ มีการเติบโตสูง อย่างตัวเองแม้ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่สามารถเข้าไปเป็นเจ้าของได้”นายนณริฏ กล่าว

นายนณริฏ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่อยากปิดโอกาสของประชาชน ก็ไม่ควรเก็บภาษีการขายหุ้น เพราะเป็นการดึงเงินออกจากตลาดหุ้น โดยหากถามว่าเป็นเม็ดเงินที่มากหรือน้อย ส่วนตัวมองว่าเป็นจำนวนที่มาก ภายใต้การประเมินว่าภาษีขายหุ้นจะสร้างรายได้ประมาณ 16,000 ล้านบาทต่อปี มองว่าไม่น้อย แทนที่เงินส่วนนี้จะเข้าไปอยู่ในกระบวนการของนักลงทุนที่ต้องการสร้างฐานะต่อไป รวมถึงในแง่ของการนำเงินภาษีขายหุ้นไปใช้ของรัฐบาล เพราะคุณค่าที่จะเกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับการเก็บแล้วจะนำไปทำอะไรด้วย ซึ่งพูดง่ายๆ

ตอนนี้คือ รัฐบาลต้องการบอกให้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเสียสละ จากผลกระทบที่รัฐบาลจะนำเงินออกจากระบบกว่า 16,000 ล้านบาท ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้เกี่ยวข้องต้องมีแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่สถานะ โดยหากมองตัวอย่างมาตรการของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลออกมานั้น เป็นการกระตุ้นศรษฐกิจในระยะสั้น เปลี่ยนจากการลงทุนเพื่อวางแผนชีวิตในระยะยาว รวมถึงมาตรการคืนภาษี ก็มักเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะสามารถออกใบกำกับภาษีได้ จึงเป็นมุมมองที่ค่อนข้างขัดจากเป้าหมาย

Advertisement

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
:
‘กอบศักดิ์’ เปรียบเก็บภาษีหุ้นเหมือนยิงเท้าตัวเอง ทำลายโอกาส-ลดเสน่ห์ตลาดทุนไทย
: ‘ไพบูลย์’ ย้ำเก็บภาษีหุ้นฉุดสภาพคล่องวูบ 50% นักลงทุน-บริษัทหนีระดมทุนประเทศอื่น
: อสังหาโวยมาตรการรัฐ ซื้อบ้านค่าโอนเพิ่ม 100 เท่า เป็นล้านละหมื่น ฉุดตลาดซบยาว
: รัฐอัดมาตรการของขวัญปีใหม่ เราเที่ยวด้วยกัน-ช้อปดีมีคืน แบงก์รัฐคืนเงินลูกค้าวินัยดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image