ยกฟ้องกทม.ไม่ได้จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เผยปี 58’บีทีเอส’จัดสิ่งอำนวยสะดวกคนพิการ

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 มีนาคม ที่ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 495/2561 หมายเลขแดงที่ 225/2562 ระหว่าง นายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานครผู้ถูกฟ้องคดี และคดีหมายเลขดำที่ 990/2561หมายเลขแดงที่ 226/2562ระหว่าง นายธีรยุทธ สุคนธวิท ประธานเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ กับพวกรวม 430คน ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีในข้อหาละเมิดสิทธิ ไม่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

โดยคดีทั้งสองสำนวนนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า เมื่อปี พ.ศ. 2558 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.650/2557ให้ผู้ถูกฟ้องคดีจัดทำลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และ สิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการที่สถานีขนส่งทั้ง 23สถานี ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา แต่จนถึงปัจจุบันผู้ถูกฟ้องคดีกลับไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จึงขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีเเละกลุ่มคนพิการที่เป็นผู้ฟ้องคดีทั้ง 430 คน รายละ 1,000 บาท/วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2559 หลังจากครบกำหนดที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ กทม.ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ม.ค. 59เป็นเงินรวมประมาณ 148 ล้านบาท และขอให้ศาลสั่งบังคับคดีให้ กทม.ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดโดยเร็ว

โดยองค์คณะศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.650/2557 แม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะได้จัดทำลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการในสถานีขนส่งเป็นบางสถานีแล้ว แต่เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีไม่ปฏิบัติ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วนในสถานีขนส่งทั้ง 23 สถานี ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา คือ ภายในวันที่ 21 ม.ค.59 จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดล่าช้าเกินสมควร อันเป็นผลให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นคนพิการ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวในสถานีขนส่งทั้ง 23 สถานี เพื่อเดินทางหรือปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างบุคคลทั่วไปตามสิทธิที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมาย อันย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวจากรัฐ

เเต่อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการในสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา ผู้ถูกฟ้องคดีต้องประสบปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่ทำให้เกิดความล่าช้าจนเกินระยะเวลาตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยผู้ถูกฟ้องคดีได้รายงานผลการดำเนินการพร้อมปัญหาอุปสรรคดังกล่าวให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครอง ทราบ เป็นระยะๆ มาโดยตลอด อันเห็นได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีการขอจัดสรรงบประมาณ
เพื่อก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมให้ครบทั้งสองฝั่งชานชาลา อันเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดียังคงมีแผนงานที่จะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมให้แล้วเสร็จต่อไป

Advertisement

กรณีจึงเห็นได้ว่า แม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะปฏิบัติหน้าที่จัดทำลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และ สิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดง ที่ อ.650/2557 ล่าช้าเกินสมควร และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีก็ตาม แต่เมื่อเหตุดังกล่าวมิได้เกิดจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ถูกฟ้องคดี จึงไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมายอันจะถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีศาลปกครองกลางจึงพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวนคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image