‘พล.ท.พงศกร-ประพฤทธ์’ เลื่อนเข้าพบตำรวจ เหตุแชร์ข่าวปลอม ‘บิ๊กป้อม’ จิบกาแฟแก้วละ 12,000 บ.

4 ใน 6 รายรับข้อกล่าวหาแชร์ข่าวเท็จ “เบิกงบกาแฟ 12,000 บาท” พล.ท.พงศกร-ประพฤทธ์แจ้งเลื่อน แย้มส่ง กกต.พิจารณาเก้าอี้รอง หน.อนค. เผยต้นตอเว็บอยู่ต่างประเทศ ไล่ล่าคนทำผิดมาดำเนินคดี

กรณีมีเว็บไซต์ข่าวปลอม ได้โพสต์ภาพของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นั่งจิบกาแฟในร้านย่านถนนสีลม กับนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา โดยมีการเขียนพาดหัวข่าวอันเป็นเท็จ โดยอ้างว่าเป็นการใช้งบสวัสดิการประจำตำแหน่ง จัดซื้อกาแฟในราคาสูงถึงแก้วละ 12,000 บาท ซึ่งถูกแชร์ต่อบนโลกโซเชียลจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างวงกว้างนั้น

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 4 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อม พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท.,พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร.,พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก. สน.ห้วยขวาง แถลงการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย ที่แชร์ข่าวเท็จดังกล่าวซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ https://www.one31news.com โดยมี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) รวมอยู่ด้วย โดยในวันนี้ได้มีผู้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 4 ราย ได้แก่ 1.นายบุญยืน แสนคูณ อายุ 43 ปี 2.นายวิศรุต ธีรปัญญาวัฒน์ อายุ 34 ปี 3.นายปรีชา ทัศนา 31 ปี และ 4.นายเกษมสันต์ ทวยมาตร์ อายุ 38 ปี

Advertisement

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ภายหลัง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้รับมอบอำนาจให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดดังกล่าว ต่อมาทาง บก.ปอท.บูรณาการร่วมกับ ศปอส.ตร. ทำการสืบสวนสอบสวนทราบว่ามีผู้เผยแพร่และส่งต่อข่าวปลอมดังกล่าว 6 ราย โดยหนึ่งในนั้นมี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็น “ฐานนำเข้าเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ถือเป็นความผิดตาม มาตรา 14(2) และ (5) ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอัตราจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายเรียกทั้ง 6 ราย รวมถึง พล.ท.พงศกร มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 4 คน แต่อย่างไรก็ตาม ทางรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้ขอเลื่อนนัดเข้าพบเจ้าหน้าที่เนื่องจากไม่สะดวก และจะพิจารณาหมายเรียกครั้งที่ 2 หาก พล.ท.พงศกร และนายประพฤทธ์ แจ้งท้วม อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่เหลือ 2 คนสุดท้าย ยังไม่มาพบ ก็จะดำเนินการขอหมายจับต่อไป

“อย่างไรก็ตาม ในห้วงเวลานี้ใกล้สู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการหาเสียงจากผู้สมัครรับเลือกตั้งและอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างความปั่นป่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งสร้างข่าวปลอมโจมตีใส่ร้ายรัฐบาลและผู้สมัครรับเลือกตั้งทำลายความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จึงขอให้ผู้เสพข่าวเสพอย่างมีสติไตร่ตรอง ก่อนที่จะแชร์ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวออกไป เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์” ผบช.สตม.กล่าว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธไม่ตอบว่าคดีดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนหรือหลังเลือกตั้ง แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือพรรคการเมืองจะดำเนินการภายใต้กฎหมายเดียวกันหมด ส่วนคดีนี้จะส่งผลอย่างไรต่อตำแหน่งของรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่หรือไม่นั้นจะต้องนำรายงานเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. เพื่อพิจารณาต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.นิธิธรกล่าวว่า เว็บไซต์ดังกล่าวมีต้นตออยู่ต่างประเทศ พร้อมภาพที่แสดงรองนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นภาพในอดีต และเอกสารบิลเงินสดที่ไม่เกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น ต่อจากนี้จะมีการติดตามตัวผู้กระทำผิดที่เผยแพร่ดังกล่าวมาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ไพบูลย์กล่าวย้ำเตือนว่า แม้ต้นตอข่าวปลอมจะมาจากต่างประเทศ บก.ปอท.ก็ทราบตัวหมด ฝากเตือนด้วยว่า ใครก็ตามที่ใช้โฆษณาเพื่อโปรโมตสินค้าบนเว็บไซต์ลักษณะนี้จะถือว่ามีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย

ผู้ต้องหารายหนึ่งกล่าวขอโทษผ่านสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนไม่ได้มีความตั้งใจจะสร้างความปั่นป่วนกับสังคม เห็นเพื่อนแชร์มาก็แชร์ไปเท่านั้น

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ พล.ท.พงศกร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. และ “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “บิ๊กโก้” พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ก่อนการก้าวสู่ตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image