ผัวเมียอายุ 18 จบ ม.ต้นผันตัวค้าอาวุธ จับได้จะจะขณะส่ง ‘ปืนประดิษฐ์’ ให้ลูกค้ารับกำไรดี

สืบนครบาล แกะรอยกว่า 1 เดือน รวบ ‘สองผัวเมียมโนรมย์’ ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ผ่านกลุ่มปิดทางโซเชียล

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า, เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์

ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ตระหนักและเน้นย้ำให้กำลังพลในสังกัดเฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนต่างๆ ทางออนไลน์และช่องทางอื่น โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง จนชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ออกแกะรอยสืบสวนจนพบข้อมูลจากสายลับว่า นายวีรวุธ หรือบอส และ น.ส.พิทยาภรณ์ หรือมิ้ว สองผัวเมียวัยรุ่น มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีก 1 ตัวการสำคัญที่เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคม อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งต้องรีบสืบสวนจับกุมให้ได้โดยเร็ว

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ, ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.

Advertisement

ได้ทำการเฝ้าสะกดรอยพฤติกรรมกว่า 1 เดือน จนทราบว่าสองผัวเมียคู่นี้จะมาส่งปืนทางขนส่งเอกชนอยู่ประจำ และต่อมาได้แสดงตนเข้าตรวจค้นจับกุม นายวีรวุธ หรือบอส และ น.ส.พิทยาภรณ์ หรือมิ้ว บริเวณหน้าร้านสาขาขนส่งชื่อดังเจ้าหนึ่งตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท โดยพบตัวขณะขับรถจักรยานยนต์นำกล่องพัสดุซึ่งภายในมีอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ไปจัดส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อ

ผลการแสดงตัวเข้าตรวจค้น สามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 จำนวน 2 กระบอก ในสภาพบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุพร้อมจัดส่งให้แก่ผู้รับ พร้อมตรวจยึดสลิปการจัดส่ง และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เพื่อความสะดวกแก่การนำอาวุธปืนไปจัดส่ง จึงจับกุมตัว

1.นายวีรวุธ ประสพเนตร์ อายุ 18 ปี 4 เดือน ชาวตำบลสลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร
2.น.ส.พิทยาภรณ์ อรรถพันธุ์ อายุ 18 ปี 7 เดือน ชาวตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

Advertisement

ว่าต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วย
(1) อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 สีขาว ประกันด้ามสีน้ำตาล บรรจุอยู่ในกล่องพัสดุจ่าหน้าซองระบุผู้ส่ง-ผู้รับ จำนวน 1 กระบอก/1 กล่อง (ตรวจยึดได้บริเวณเคาน์เตอร์รับส่งพัสดุภายในร้าน)
(2) อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 สีขาว ประกับด้ามสีน้ำตาล บรรจุอยู่ในกล่องพัสดุจ่าหน้าซองระบุผู้ส่ง-ผู้รับ จำนวน 1 กระบอก/1 กล่อง (ตรวจยึดได้บริเวณเคาน์เตอร์รับส่งพัสดุภายในร้าน)
(3) ใบเสร็จรับเงินอย่างย่อ จำนวน 1 บิล (ตรวจยึดได้บริเวณเคาน์เตอร์รับส่งพัสดุภายในร้าน)
(4) รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนด์ฟีลาโน่ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 กฎ 550 หมวดจังหวัดอุทัยธานี (พาหนะซึ่งใช้เพื่อความสะดวกแก่การนำอาวุธปืนผิดกฎหมายมาจัดส่งให้แก่ลูกค้า/ตรวจยึดได้บริเวณหน้าร้าน)

จากการซักถามนายวีรวุธ และ น.ส.พิทยาภรณ์ ทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การว่าเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คบหาอยู่กินด้วยกันได้ประมาณ 1 ปี ทำอาชีพหลักรับจ้างทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานีด้วยกัน เมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน 2567 ตนได้เข้าไปเห็นในเฟซบุ๊กว่ามีการโพสต์ประกาศขายปืนกันอย่างแพร่หลาย ถ้าตนและแฟนหันมาทำเป็นงานเสริมน่าจะได้กำไรดี จึงลองสั่งซื้อมาและลองเอาไปโพสต์ขายทางโซเชียล ปรากฏได้กำไรดี เฉลี่ยได้กำไรกระบอกละ 2,000 บาท (ซื้อมากระบอกละ 4,000 บาท ขายกระบอกละ 6,000 บาท) จึงหันมาทำเป็นอาชีพเสริมจากงานรับจ้างทั่วไปที่ทำเป็นหลักอยู่ปกติ ที่ผ่านมาเคยสั่งปืนเพื่อนำมาส่งขายแล้วประมาณ 10 กว่าครั้ง เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัวกันสองคนผัวเมีย ก่อนจะมาถูกจับกุมที่สุด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.หางน้ำสาคร ภ.จว.ชัยนาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดชเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิง นักศึกษาต่างสถาบัน เหตุทะเลาะวิวาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้ทุกชุดปฏิบัติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจัง ฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ ผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายขายอาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image