สมศักดิ์ ย้ำช่วยเหลือผู้ป่วยจากเหตุไหม้มาบตาพุดแทงค์ ยัน รพ.ในพื้นที่พร้อมรับสถานการณ์

‘สมศักดิ์’ ห่วงผลกระทบสุขภาพประชาชน หลังเกิดเพลิงไหม้ถังเก็บสารแก๊สโซลีน จ.ระยอง สั่ง สธ.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ ชี้แก๊สโซลีนเป็นพิษต่อระบบหายใจ เผย ‘ปวดหัว-คลื่นไส้-เลือดกำเดาไหล’ ให้รีบหาหมอ ยัน รพ.ในพื้นที่พร้อมรับสถานการณ์

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีเพลิงไหม้ถังเก็บสารแก๊สโซลีนของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด จ.ระยอง ว่าได้รับรายงานจากสาธารณสุขจังหวัดระยองว่ามีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการ PHEOC เพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว พร้อมดำเนินการในเบื้องต้นคือเร่งสื่อสารเรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวังให้กับผู้นำชุมชนและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง รวมถึงให้โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ รพ.สต.ในพื้นที่เตรียมความพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ ยังได้ประสานศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบแล้ว ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 ตรวจเยี่ยมบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อบัญชาการเหตุการณ์และให้ความช่วยเหลือ

เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง 3 ราย โรงพยาบาลระยอง 1 ราย กลับบ้าน 1 ราย

“Pyrolysis Gasoline ไพโรไลซิส แก๊สโซลีน เป็นสารผสม จึงเกิดพิษต่อระบบหลายระบบ ได้แก่ ระบบหายใจ หัวใจ และระบบประสาทอย่างรุนแรง โดยอาการที่เกิดขึ้นของผู้ได้รับผลกระทบคือปวดหัว คลื่นไส้ และอาจกดทับประสาทถึงขั้นหมดสติ รวมถึงอาจระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ทำให้สำลัก อาเจียน ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดการคัน และระคายเคืองต่อจมูก อาจทำให้มีเลือดกำเดาไหล หากพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้สถานที่เกิดเหตุมีอาการลักษณะนี้ก็ให้รีบพบแพทย์ทันที” รมว.สาธารณสุขกล่าว

Advertisement

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการป้องกันหลังเกิดเหตุ โดยหลังอพยพให้เปิดประตู-หน้าต่างเพื่อระบายอากาศ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ถอดเครื่องนุ่งห่มและล้างด้วยน้ำสะอาด พร้อมล้างตาด้วย Normal saline ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นตนมีความห่วงใยถึงผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขเร่งลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชน 4 ชุมชนในรัศมี 3 กิโลเมตร ได้แก่ ชุมชนตากวน ชุมชนหนองแฟบ ชุมชนกรอกยายชา ชุมชนเกาะกก พบประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมีอาการเล็กน้อย 20 ราย อยู่ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขตากวน โดยมีพยาบาลประจาศูนย์บริการสาธารณสุขของเทศบาลให้การดูแล

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยองได้เตรียมมาตรการในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

Advertisement

1.ด้านการรักษา ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลระยองและโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง และจัดตั้งหน่วยปฐมพยาบาล ณ ศูนย์พักพิงทั้ง 3 แห่ง

2.ด้านการป้องกัน ได้มีการเคลื่อนย้ายประชาชนบริเวณใกล้เคียงกับโรงงานซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากควันไฟ ไปยังศูนย์ศูนย์พักพิงที่ได้มีการจัดตั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร มีผู้เข้าพักพิง 382 ราย วัดพลามีผู้เข้าพักพิง 400 ราย และหาดน้ำรินมีผู้เข้าพักพิง 30 ราย

3.ด้านการเฝ้าระวัง ได้มีการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศโดยกรมควบคุมมลพิษ

4.ด้านการสื่อสารความเสี่ยง ได้สื่อสารเพื่อให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการป้องกันตนเอง

ล่าสุดเวลา 16.50 น. เทศบาลเมืองมาบตาพุดประกาศว่าสามารถควบคุมเพลิงได้เรียบร้อยแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image