“พิธา” ยอมถอน คำว่าศาลเตี้ยในรัฐสภา แจงคนกราบเท้าเพราะบนให้เป็นนายกฯ ยันไม่ได้ยุยงปลุกปั่นเยาวชน
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมกับมีผู้รับรองชื่อถูกต้อง ก่อนเปิดอภิปรายนั้น
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชลน่าน ลุกเสนอ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ที่ประชุมรับรองแล้ว-ไร้พรรคชงชื่อแข่ง
- ชัยธวัช ลุกโต้ครหา จ้องล้มสถาบัน ดึงสติรัฐสภา โหวตพิธา ไม่เท่ากับล้มล้างการปกครอง
- ปชป.ลั่นไม่โหวตคนจาบจ้วง ย้อนอดีตกว่าจะเป็นไทย มาอ้างฉันทามติ ขอแยกดินแดนเฉย
- ส.ว.เสรี อัดก้าวไกลเละ ส่งเสริมม็อบจาบจ้วง รับไม่ได้มีคนกราบพิธา ถามจ้างมาใช่ไหม?
ต่อมา เวลา 14.05 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทราบว่ามีผู้ประท้วงที่นายพิธาพูดถึงศาลเตี้ยในรัฐสภา ซึ่งตนได้ให้เจ้าหน้าที่ถอดคำพูดแล้ว นายพิธาจะพูดอย่างนี้ไม่ได้ ขอให้ถอนคำพูด โดยนายพิธา ชี้แจงว่า ตรงตามคำพูดว่าจะมีศาลเตี้ยในรัฐสภาไม่ได้ ซึ่งน่าจะเห็นตรงกันทั้งๆ ที่กระบวนการวินิจฉัยยังไม่สิ้นสุด ตนเห็นว่าตรงนี้ไม่มีประเด็นอะไรที่มาประท้วงกัน อย่างไรก็ตาม ตนเป็นผู้นำที่ลุกได้ ถอยเป็น ถ้ายังติดใจอยู่ตนก็ขอถอนคำว่า ศาลเตี้ย
นายพิธากล่าวต่อว่า ส่วนที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า เวลาตนลงพื้นที่แล้วมีประชาชนมากราบเท้า คิดว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนั้น ตนก็คิดว่า ไม่เหมาะสม และตนได้พยายามที่จะกราบเท้าประชาชนกลับ เพราะคิดว่า เป็นประชาชนเท่ากันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ ซึ่งได้รับคำอธิบายว่า เป็นการบน ให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตนจึงอธิบายว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ และเห็นด้วยว่า ไม่ควรจะให้ใครมา กราบเท้าใครใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกรัฐสภาหรือไม่ได้เป็น ส่วนที่นายเสรี พูดเกี่ยวกับการยุยง และสนับสนุนเด็ก ตนคิดว่า เป็นประเด็นที่สำคัญที่อาจจะมีความเห็นต่างกันของสมาชิก อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ต่างกัน หรืออายุที่ต่างกัน เยาวชนคนหนุ่มสาวสมัยนี้ ยุยงปลุกปั่นไม่ได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเอง เขาเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าคนรุ่นเรา ถ้าสมมุติว่า ยุยงปลุกปั่นได้ด้วยข้อมูล ด้วยการชักจูง ตนว่า ค่านิยม 12 ประการ ที่เคยมีมาก็คงจะทำให้เขารู้สึกแบบนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ฉะนั้น เราต้องเข้าใจก่อนให้คิดถึงตัวเองตอนที่เราอายุเท่าเขาว่า วิธีคิดของเขา การเข้าถึงข้อมูลต่างจากคนรุ่นเราอย่างไร ฉะนั้นขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีการไปยุยงปลุกปั่นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเขายุยงปลุกปั่นไม่ได้”
นายพิธากล่าวต่อว่า ส่วนที่บอกว่าสนับสนุน เอาตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวเยาวชน ก็ต้องบอกว่าสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการเข้าถึงทนาย เป็นส่วนสำคัญในระบบยุติธรรม ไม่ว่าพี่น้องที่โดนคดีทวงคืนผืนป่า โดนฟ้องไล่ที่ หรือคดีอะไรก็แล้วแต่ ส.ส.พรรค ก.ก. มีหน้าที่ที่จะทำให้เกิดเสรีภาพในการแสดงออกและเข้าถึงทนาย และสิทธิในการที่จะสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ไว้ก่อน ถ้ายังไม่มีการพิพากษาถึงที่สุด