หมายเหตุ – สาระสำคัญส่วนหนึ่งของร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ … จำนวน 54 มาตรา ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเอกฉันท์รับหลักการ พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จำนวน 31 คน มีสาระสำคัญให้ประชาชนเดินทางได้ทุกระบบด้วยบัตรใบเดียว
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“ระบบตั๋วร่วม” หมายความว่า การให้บริการขนส่งสาธารณะแก่ผู้โดยสารไทย ผู้ให้บริการซึ่งได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.นี้ ซึ่งใช้บัตรโดยสาร หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้แทนบัตรที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่สำนักงานกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการในการรับชำระค่าโดยสาร เพื่อให้การเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
“ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง” หมายความว่า การให้บริการในการประมวลผล รับส่งข้อมูล และคำนวณปริมาณการใช้งาน รวมทั้ง จำนวนเงินจากการทำธุรกรรมในระบบตั๋วร่วม
“การให้บริการออกบัตรชำระค่าโดยสารในระบบตั๋วร่วม” หมายความว่า การให้บริการ ออกบัตรหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้แทนบัตร เพื่อชำระค่าโดยสาร คำธรรมเนียม หรือค่าบริการแก่ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่มีมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม
“การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วม” หมายความว่า การให้บริการขนส่ง ผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะที่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.นี้
“อัตราค่าโดยสารร่วม” หมายความว่า ค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ ในกรณีที่มีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อต่างรูปแบบกัน หรือระหว่างผู้ให้บริการขนส่งต่างราย ตามอัตราที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
“ขนส่งสาธารณะ” หมายความว่า การขนส่งผู้โดยสารโดยระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรูปแบบทางถนน รูปแบบทางราง หรือรูปแบบทางน้ำ
“ผู้ให้บริการขนส่ง” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ให้บริการขนส่งสาธารณะ
“ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
“ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม
“คณะกรรมการบริหาร” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้อำนวยการ หรือผู้ซึ่งผู้อำนวยการตั้งให้ปฏิบัติการ
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
“ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด 1 คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม
มาตรา 5 ให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ประกอบด้วย
(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ
(2) ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นรองประธานกรรมการ
(3) กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 11 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมการขนส่งทางราง อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
(4) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกิน 3 คน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ หรือประสบการณ์ด้านการเงิน ด้านการตลาด ด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านวิศวกรรมศาสตร์ หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เป็นกรรมการ
ให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการ และเลขานุการ และผู้อำนวยการแต่งตั้งข้าราชการของสำนักงานจำนวนไม่เกิน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
มาตรา 6 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี
(3) ไม่เป็น หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(5) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
(6) ไม่เป็นผู้เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
(7) ไม่เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เว้นแต่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
(8) ไม่เป็น หรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันที่ได้รับแต่งตั้ง
(9) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันที่ได้รับแต่งตั้ง
(10) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
(11) ไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการของนิติบุคคล ซึ่งประกอบการเกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะ
(12) ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมในกิจการที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
มาตรา 7 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่รัฐมนตรี แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่แต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง หรือเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ในกรณีการแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง หากวาระที่เหลืออยู่ไม่ถึง 90 วัน จะไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนก็ได้
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้มีคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
เมื่อครบกำหนดตามภาระในวรรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้น อยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
หมวด 2 การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
มาตรา 17 ใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมมี 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
(1) ใบอนุญาตประกอบกิจการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง
(2) ใบอนุญาตการให้บริการออกบัตรชำระค่าโดยสารในระบบตั๋วร่วม
(3) ใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วม
ใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้มีอายุ 10 ปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
การขออนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
หมวด 3 อัตราค่าโดยสารร่วม
มาตรา 31 ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ และหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ประกอบกัน
(1) การบูรณาการอัตราค่าโดยสารระหว่างระบบขนส่งสาธารณะที่ต่างระบบ และต่างผู้ให้บริการขนส่ง
(2) ค่าใช้จ่ายตามปกติของการประกอบกิจการให้บริการขนส่งสาธารณะตามประเภท และลักษณะของการให้บริการ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ และดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
(3) สิทธิของผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาส
(4) สิทธิของผู้รับใบอนุญาตตามสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน รวมถึงแนวทางการชดเชย และเยียวยาอย่างเป็นธรรม
(5) การเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน หรือเทคโนโลยี
ให้คณะกรรมการเปิดเผยสูตร หรือวิธีการที่ใช้ในการคำนวณเพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม
รวมทั้งข้อมูลค่าตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณ ยกเว้นข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับทางการค้าของผู้รับใบอนุญาต
มาตรา 32 อัตราค่าโดยสารร่วมให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยจะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วมที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 31
มาตรา 33 ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบอนุญาตให้เอกชนประกอบกิจการขนส่งสาธารณะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมที่กำหนดตามมาตรา 32 ไปใช้บังคับ โดยกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี
หมวด 4 กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
มาตรา 34 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม” ในสำนักงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนในการดำเนินงาน การพัฒนา และการส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม รวมทั้งให้กู้ยืมเงินแก่ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
มาตรา 35 กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
(1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
(2) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
(3) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
(4) เงินที่ผู้รับใบอนุญาตนำส่งเข้ากองทุนตามมาตรา 36 วรรคหนึ่ง
(5) เงินที่ผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมนำส่งเข้ากองทุน
ตามมาตรา 36 วรรคสอง
(6) เงินค่าปรับเป็นพินัย
(7) เงิน หรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่กองทุน
(8) ดอกผลของเงิน หรือทรัพย์สินของกองทุน
เงินอุดหนุนตาม (2) ให้รัฐมนตรีดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อสมทบเข้ากองทุนในแต่ละปีงบประมาณตามความจำเป็น
เงิน และทรัพย์สินของกองทุนตามวรรคหนึ่ง ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
หมวด 6 มาตรการปรับเป็นพินัย
มาตรา 40 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 13(3) ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 2 ล้านบาท
มาตรา 41 ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะซึ่งมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.นี้ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 16 ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 2 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 2 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
มาตรา 42 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามประกาศ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือคำสั่งตามที่กำหนดในมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 หรือมาตรา 23 (1) (2) (3) หรือ (5) ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 2 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา 43 ในกรณีผู้รับใบอนุญาตไม่แก้ไขปัญหาจากการร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการตามมาตรา 23 (4) ภายในระยะเวลาที่สำนักงานกำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา 44 ในกรณีผู้รับใบอนุญาตไม่นำส่งเงินเข้ากองทุนตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนดตามมาตรา 36 ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 2 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา 45 ในกรณีที่คณะกรรมการสั่งพักใช้ใบอนุญาต ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา 46 ค่าปรับเป็นพินัยตามความในหมวดนี้ ไม่ต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และให้นำส่งเข้ากองทุน
หมวด 7 โทษทางอาญา
มาตรา 47 ผู้ใดประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 48 ผู้ประกอบกิจการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่ไม่ดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 24 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 49 ผู้ประกอบกิจการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 25 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 50 ผู้ใดรู้ว่ามี หรือจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ประกอบกิจการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางแล้ว โดยทุจริต ยักย้าย ซุกซ่อน รับ หรือจัดการเงินรับล่วงหน้าที่ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวได้รับไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 ล้านบาท ถึง 5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ