โรดแมป‘แก้ รธน.’ ปลดแอก พุ่งเป้า ส.ว. ลามไหม้ รบ.บิ๊กตู่

วันที่ 23 สิงหาคม 2563 - 12:03 น.

โรดแมป‘แก้ รธน.’ ปลดแอก พุ่งเป้า ส.ว. ลามไหม้ รบ.บิ๊กตู่

เวที ณ ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม กลุ่มประชาชนปลดแอกที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษาได้ประกาศโรดแมปการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้

เริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลดบทบาทของ ส.ว.หรือไม่ก็โละ ส.ว.ทิ้งไป

โดยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวกับ ส.ว.

ขีดเส้นภายในเดือนกันยายน หากไม่มีการแก้ไข กลุ่มประชาชนปลดแอกจะชุมนุมกันอีกครั้ง

ภายหลังการชุมนุม ณ เวทีราชดำเนิน เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมการเมืองอย่างมาก

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา มองว่าการทำตามความต้องการของกลุ่มนักศึกษาเป็นไปได้ยาก

ขณะที่เสียงจาก ส.ว.มีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือยอมรับการตัดอำนาจของ ส.ว.บางประการ เช่น การเลือกนายกรัฐมนตรี อีกส่วนหนึ่งคือยังไม่ยอม

ทั้งนี้ เพราะหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จจำเป็นต้องมีเสียงของ ส.ว.สนับสนุน 84 เสียง จาก 250 เสียง

และเมื่อผนวกกับจุดยืนของประธานวุฒิสภาที่ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญ

ยิ่งปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างใหม่ขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากเวที ณ ราชดำเนินวันนั้น สิ่งที่ติดตามคือการงอกเงยเวทีของนักเรียนนิสิตนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ

ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทั้งเวทีที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสงขลา

จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ปฏิกิริยา “จะไม่ทน” แผ่กระจายไปทั่วประเทศ

บรรดานักเรียนชู 3 นิ้ว ขณะร้องเพลงชาติ ผูกโบขาว ชูกระดาษเปล่า ถ่ายคลิปครูอาจารย์ที่ใช้อำนาจเพื่อห้ามปราม นัดกันรวมตัวแฟลชม็อบ

รวมตัวกันไปผูกโบขาว ชู 3 นิ้ว เป่านกหวีด ขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เป้าหมายคือ 3 ข้อเรียกร้อง ประกอบด้วย หยุดคุกคาม แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา

ความเคลื่อนไหวของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ทำให้รัฐบาลมีปฏิกิริยาตอบสนองหลากหลาย

ฝ่ายความมั่นคงออกหมายจับ และดำเนินการจับกุมตัวแกนนำ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวแกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก 9 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายบารมี ชัยรัตน์ น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายธานี สะสม นายเดชาธร บำรุงเมือง นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ นายทศพร หรือ ทศ สินสมบุญ และ นายธนายุทธ ณ อยุธยา

คำบรรยายฟ้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นสะท้อนพฤติการณ์แห่งคดีที่รุนแรง กระทำความผิด 7-8 ข้อหา

นำตัวฝากขัง และศาลให้อนุญาตประกันตัวทั้งหมดในเวลาต่อมา

ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ ใช้วิธีเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน และอนุญาตให้ทุกโรงเรียนไม่ขัดขวางการแสดงออกของนักเรียน

ถือเป็นการเปิดช่องระบายความระอุที่เกิดขึ้น หลังจากมีคลิปหลุดออกมาทำนองว่ามีการใช้อำนาจของครูต่อนักเรียนที่ชู 3 นิ้ว และผูกโบขาว

กระทั่งองค์การยูนิเซฟออกแถลงการณ์ระบุให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงความคิดเห็น

เช่นเดียวกับ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ที่ออกไปรับฟังความเห็นของนักเรียนที่มาเป่านกหวีดไล่หน้ากระทรวง

และนำมาซึ่งคำสั่งให้ผ่อนปรนเรื่องทรงผมเด็กนักเรียน

ทางด้านรัฐสภาก็เริ่มมีการขยับในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นรูปธรรม

แม้ก่อนหน้านี้การที่รัฐบาลใส่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในนโยบายเร่งด่วนจะเสมือนกับการยอมคล้อยตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยอมเข้าร่วมรัฐบาล

และเมื่อมีการทวงถามก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน

การศึกษายังมีข้อถกเถียงระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเลือกตั้ง ส.ส.ร.แล้วยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา

แต่เมื่อนักเรียนนิสิตนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

ดูเหมือนความเห็นของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะโน้มไปทางแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเลือกตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญ

เช่นเดียวกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 256 และเลือกตั้ง ส.ส.ร.

สอดรับกับพรรคเพื่อไทยที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว

ผลักดันให้แก้ไขมาตรา 256 และเลือกตั้ง ส.ส.ร.เช่นกัน

หากรวมการสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎร โดยนำเอาจำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองที่ประกาศเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร.แล้ว เห็นได้ว่าท้วมท้น

เพื่อไทย 134 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง พรรคภูมิใจไทย 61 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 11 เสียง พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เสียงของพรรคดังที่ระบุมาก็เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

ถ้าไม่เกิดการบิดเบี้ยว การสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวน่าจะบรรลุผล

หากแต่รัฐธรรมนูญ 2560 ได้วางสิ่งกีดขวางทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมากมาย

ต้องทำประชามติ กำหนดเสียงสนับสนุนชนิดที่คิดเป็นร้อยละ และยังต้องมีเสียงจาก ส.ว.เกินกว่า 84 เสียงสนับสนุนอีกด้วย

ดังนั้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภา ยังไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.

เมื่อสมาชิกวุฒิสภา มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า

เมื่อสมาชิกวุฒิสภา ไม่เคยขัดคอ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี

ดังนั้น เสียงของ ส.ว.จึงผูกโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลอย่างมิอาจปฏิเสธ

ณขณะนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ การปลดชนวนทางการเมืองที่เหมาะสมที่สุด

แต่การปลดชนวนดังกล่าว จะสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560

ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรมีเสียงสนับสนุนการแก้ไข และตั้ง ส.ส.ร.กันท่วมท้น

แต่วุฒิสภายังมีปฏิกิริยาคัดค้าน

ตำบลกระสุนตกต่อไปทางการเมืองจึงหนีไม่พ้น “วุฒิสภา” ซึ่งยังมิอาจทำนายได้ว่า ไฟจะลุกลามไปถึงรัฐบาลได้มากน้อย