โทนี ชี้วิกฤตโควิด หนักกว่าต้มยำกุ้ง สอนมวยแก้ปัญหา ไม่ต้องปิดแคมป์ ถามสปุตนิกวันนี้อยู่ไหน

โทนี ชี้วิกฤตโควิด หนักกว่าต้มยำกุ้ง สอนมวยแก้ปัญหาไม่ต้องปิดแคมป์ ถามสปุตนิกวันนี้อยู่ไหน

เมื่อเวลา 20.01 น. วันที่ 29 มิถุนายน โทนี วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมสนทนาในรายการ CARE ClubHouse x CARE Talk ตอน “โทนีสอนน้อง” พังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก

โทนี ได้ระบุถึงการสื่อสารของรัฐบาล ที่รวมอำนาจไม่ที่นายกฯ ซึ่งมีการสื่อสารไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ ทั้งยังมีคำสั่งที่แย้งกันไปมา คนจึงเตรียมตัวไม่ถูก แนะนายกฯให้มีนักระบาดวิทยา ที่เข้าใจเชื้อโรค มาประชุมหาแนวทางออกร่วมกัน และ ให้ความรู้กับประชาชน ว่ากำลังเผชิญกับอะไร จะช่วยเหลือตัวเองอย่างไร โดยมีการกล่าวถึงการปิดแคมป์คนงาน ว่าเป็นการหว่านแห เกินความจำเป็น

แนะตรวจหมู่ แทนสั่งเหวี่ยงแห

โทนี เปิดเผยว่า การปิดแคมป์คนงาน บางที่ก็ไปปิดเขาไว้ ไม่ได้กินข้าวด้วย วันนี้ เราอยู่บนความไม่รู้ มากกว่าความรู้ รัฐบาลมีความไม่รู้มากกว่าความรู้ เลยสั่งแบบคนรู้ไม่จริง แคมป์นี้ถ้าเข้าไปตรวจหมู่ ไปไล่ตรวจ ถ้าเจอก็นำคนออกมา ไม่มีให้ทำงานต่อไป 7 วันตรวจที มีการแปะป้ายไว้หน้าแคมป์ ว่าผลตรวจเป็นเช่นไร ดีกว่าสั่งแบบเหวี่ยงแห ซึ่งผลกระทบมันไม่คุ้มต่อเศรษฐกิจเลย เราไปเลียนแบบมา คำพูดเท่ๆ ไม่เวิร์ก

“เขาคิดเป็นท่อนๆ ไม่คิดให้รอบซะก่อน คิดให้ทั้งกระบวนการได้ไหม ว่าจะปิดแบบนี้ ใครจะเดือดร้อนมาก แทนที่จะห้ามหมด เหวี่ยงแหแบบนี้ ทำไมไม่เอาแบบ ร้านอาหาร ที่ตรวจทุก 7 วัน ฉีดวัคซีนแล้ว เปิดได้ และให้โต๊ะนั่งห่างกันหน่อยได้ไหม ที่อื่นเขาก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าจะล็อกดาวน์จริงๆ เรามีปัญญาจะดูแลเขาไหม ถ้าไม่มีปัญญา ออกกติกาดีไหม”

Advertisement

“สำคัญตอนนี้คือ 1.การตรวจ ที่ถูกต้อง พีซีอาร์ แม่นยำสุด 2.ฉีดวัคซีน เป็นอายุสำคัญ ต่อสู้กับการระบาด ถ้าสองตัวนี้ ยังไม่รู้จะห่วงตลาด เดี๋ยวตัวนี้หายไป ไม่ให้เข้ามา เศรษฐกิจจะพังแล้วฟื้นยาก”

ทั้งยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาคือ รัฐบาลไม่มีความรู้สึก ต้องตอบสนองกับการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่ากฎหมาย ทหาร ตำรวจ จะป้องกันโรคได้ โรคนี้ บุคลากรทางการแพทยต้องช่วยก่อน แต่นี่ ฉีดแล้วภูมิไม่ขึ้น มีติดเชื้อบ้าง วัคซีน ต้องดูแลด้วยความเย็น แต่บ้านเรา มีช่วยสี ช่วยสักเยอะ เลยทำหยาบๆ วัคซีนหมดสภาพ

“ถ้าท่านอยากพูด ต้องเอาคนที่รู้และกล้าพูดมาอยู่กับท่าน จะได้พูดด้วยความรู้”

Advertisement

ถามโวซื้อสปุตนิก ตอนนี้อยู่ไหน

โทนี กล่าวอีกว่า ต้องเข้าใจว่า ไวรัสนี้ เมื่อเข้ามาโจมตีร่างกาย เราไม่มีภูมิ ก็ต้องสร้างภูมิไปต่อสู้กับมัน ภูมิไม่พอก็ฉีดวัคซีน แต่สาเหตุวันนี้ เพราะเราไม่ได้ดูแลวัคซีนเพียงพอ วัคซีนเป็นเรื่องปริศนาจริงๆ ทำไมต้องสั่งแค่ซิโนแวค แอสตร้า ทำไมไม่สั่งตัวอื่น ซิโนฟาร์มนี่ ถ้าราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่สั่ง ก็เอาเข้ามาไม่ได้ มันเป็นความเป็นความตายของประชาชน ไฟเซอร์ยังไม่เซ็นสัญญาเลย ตกลงมาจะฉีดให้ประชาชนฟรี หรือจะขายให้ประชาชน ไม่ชัดเจนสักอย่าง คือตัวเองไม่รู้ว่าจะทำอะไร โมเดอร์นาชัด ให้มาขาย แต่ไฟเซอร์ว่าไง อย่างสปุตนิก ที่บอกว่าสั่งแล้ว สรุปมันอยู่ไหน หรือมันส่งขึ้นไปบนอวกาศแล้ว

“นายกฯพูดอะไร มันไม่มีความชัดเจน และเชื่อถือได้ ซึ่งมันเสียหาย”

ทั้งนี้ โทนี ยังระบุถึงปัญหาคนไร้บ้าน ว่าจะมีเยอะขึ้น เพราะแรงงานที่มาจากต่างจังหวัด พอไม่มีงานก็เช่าบ้านไม่ได้ ต้องไปนอนที่อื่น ต้องเร่งช่วยเหลือ เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน เวลาเลือกตั้ง เขาลงเสียง 1 เสียงเท่ากัน ต้องหาที่อยู่ให้ อาจจะตรวจโควิดก่อนว่าไม่เป็น ถ้าเป็นก็นำไปรักษา

โว เป็นผมคงมีวัคซีน ไม่ต้องรอบริจาค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงตอนหนึ่งโทนี ได้กล่าวว่ารู้สึกสะเทือนใจ ที่ต้องรับบริจาควัคซีนจากชาติอื่น ทั้งๆที่มีโรงงานผลิตในประเทศ ซึ่งหากมอบอำนาจให้ ก็จะไปเจรจาซื้อวัคซีนให้

ต่อมา ผู้ร่วมเสวนา ได้สอบถามอดีตนายกฯ ว่า หากเป็นทักษิณอยู่ คงจะมีวัคซีนโมเดอร์นา ไฟเซอร์ใช้ฟรี ใช่หรือไม่ และ จะอยู่กับโรคนี้อย่างไร โทนี กล่าวว่า ใช่ ถ้าเป็นผม ต้องมีวัคซีน ผมจะสั่งมาหมด ไม่ต้องรอให้บริจาค บริจาคก็ไม่รับ ไม่เท่

“ประเด็นคือความชัดเจน วันนี้โมเดอร์นา ให้สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ใหสั่งผ่าน อภ. จนป่านนี้ องค์การเภสัชยังไมได้เซ็นสัญญากับโมเดอร์นา จะเซ็นสิงหาคม ไม่รู้รออะไรนักหนา เมืองนอกลูกค้าเขาเยอะแยะ เขาต้องให้คนมาก่อน เราไม่เซ็นสัญญาจะบอกเก็บให้ไทย ไมได้หรอก

ไฟเซอร์ ยังไมได้มีใบสั่งซื้อใดๆ จอห์นสันฯ ก็ยังไม่มี ไม่รู้ตกลงจะเอาอย่างไร ช่วยพูดให้ชัดแค่นี้ เออ ตกลง ไฟเซอร์ จะให้บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนไหม หรือไม่ให้ จะขาย ก็พูด วันนี้ไม่ชัดเจนอะไรเลย”

และว่า โรคนี้มันจะอยู่กับเราไปตลอด แต่ช่วงนี้ รอความทั่วถึงของวัคซีน ยาที่ใช้รักษา อย่าง โมโนฟิราเวียร์ หรือ ยาที่ทรัมป์เคยใช้ หรือยาฉีด ที่อิสราเอลได้ใช้ไปแล้ว ถ้าสำเร็จก็เหมือนไข้หวัดอีกตัว ช่วงนี้ ความชักช้าของวัคซีน การให้การตรวจ ต้องดูแลตัวเอง ก็นอนให้พอ กินซิงค์ วิตามินซี ล้างมือ ใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง อย่าดื่มแอลกอฮอลล์

แซะนายกฯ เป็นทหารมาทั้งชีวิต ถนัดแต่ใช้งบประมาณ

ช่วงตอนหนึ่ง ผู้ร่วมเสวนา ได้สอบถามถึงการที่ผู้นำเปลี่ยนคำสั่งไปมา ทำอย่างไรให้เข้าใจคนธรรมดา โดย โทนี ระบุว่า การเป็นผู้นำ ต้องรู้จริง และวางแผนชัดเจน ไม่ใช่นึกอะไรได้ก็สั่ง ทุกประเทศ ไม่ใช่อะไรสั่ง เกี่ยวกับองคพยพ จำนวนมาก ผู้นำสั่ง เคลื่อนแล้วมันเบรกไม่ทัน ต้องรู้จริง ไม่ใช่สื่อสารหลายคน ถ้าผู้นำไม่เสนอเอง ให้โฆษกรัฐบาล พูดก็ได้ แต่ต้องชัดเจนทุกอย่าง

“ธรรมชาติมนุษย์ เวลาไปเป็นผู้นำในองค์กรไหน สิ่งที่ติดตัวมา นิสัยใจคอ ก็ติดมาใช้ตรงนั้น ตอนที่ทรัมป์ชนะ มีคนถามว่า ทรัมป์จะเป็นอย่างไร ผมก็บอก ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ จะไม่มี protocol เลย อะไรที่เป็นประโยชน์ก็พร้อมรีเวิร์สเลย และการเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ คนสำเร็จต้องเป็นคนบ้า เลยบอกว่า เตรียมรับนโยบาย crazy policy ได้เลย นี่คือสิ่งที่ติดตัวมา

ผู้นำเรา เป็นทหารมาทั้งชีวิต เขาจะเป็นแบบราชการ ใช้งบประมาณ หาไม่เป็น จะไม่เข้าใจคนทำมาหากิน สิ้นเดือนก็มีเงินเดือนใช้ อยู่ที่ว่า เขาจะฟังนักธุรกิจบ้างไหม ถ้าเขาคิดว่า นักธุรกิจจะมาเอาผลประโยชน์ ก็แคบ ก็สั่งอย่างเดียว เลยเป็นแบบนี้ เป็นธรรมชาติ”

ส่วนจะให้เขาเข้าใจเรา ว่าคนธรรมดาได้อย่างไร โทนี ระบุว่า “ต้องให้คุณเจริญสอน เพราะเขาสนิทกับคุณเจริญ”

หาทางออก การบินไทย

เมื่อผู้ร่วมเสวนา ได้สอบถามถึงการฟื้นฟูการบินไทย ที่ล่าสุดออกนโยบาย ให้ลาหยุด 1 ปี โดยไม่รับเงินเดือน โทนี กล่าวว่า คิดว่า การบินไทยคงไม่มีตัง การจะให้คนออกไปเลย ก็คงกลัว เลยใช้วิธีให้พักและไม่จ่ายเงินเดือนบ้าง

“ถ้าอยากจะฟื้น ต้องเอาสุวรรณภูมิเป็นฮับให้ได้ ไม่งั้นไม่มีทางสู้กับใครได้ หมายความว่า คนจะต่อเครื่องบิน มาสุวรรณภูมิหมด ไม่ใช่ไปสิงคโปร์ ที่ตั้งเราเป็นฮับได้ ถ้าการบินไทยจะฟื้น การบินไทยกับการท่าฯ ต้องไม่กินเกาเหลากัน เป็นฮับดีอย่างไร เราบินไปได้หลายประเทศ เขาบินหาเรา เราสามารถฝากสินค้าเกษตร หรือสินค้าสดๆ ไปในท้องเครื่องบินได้ทุกที่ และการบินไทยจะรอด ต้องจัดเวลาไฟล์ทต่อให้พอดี ไม่ใช่ถึงเช้า ออกดึก ใครจะรออยู่สนามบิน ไม่เกิน 3 ชม. ถ้าเป็นฮับเมื่อไหร่ การบินไทยรอด”

ทั้งนี้ ผู้ร่วมเสวนา ยังได้สอบถามถึงมุมมอง ต่อแวดวงการบิน ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต เนื่องจากภาครัฐไม่ได้เยียวยาธุรกิจนี้มากนัก

โทนี ระบุว่า สิ้นปีนี้ ทั่วโลกจะเห็นความทั่วถึงของวัคซีนดีขึ้น เศรษฐกิจถูกกดมานาน ทุกประเทศ จะชดเชยต่อไปไม่ไหวแล้ว เก็บภาษีได้น้อย เงินก็เฟ้อแน่นอน อัตราดอกเบี้ยขึ้นแน่นอน วันนี้ ผมเชื่อว่าหลังสิ้นปีนี้ กิจการการบินจะดีขึ้น ที่ดูไบ เปิดก่อนคนอื่น การบินเขา ไฟล์ทบิน 90% แล้ว เอเชียนี้ เปิดเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจะเต็ม แต่ไม่อยู่ยาว เหมือนเก็บกด สปริงจะปล่อย อดทนอีกนิดหนึ่ง วันนี้ช่วยตัวเอง นักบิน ขับแท็กซี่ก็มี ตกงานก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

แนะลดวัน ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

โทนี ยังได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการเปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โดยว่า ถ้าจะเปิดต้องกล้าๆ ถ้าให้เขาฉีดวัคซีน 2 เข็ม ตรวจมา เขามาไม่มีเชื้อ แต่โอกาสเขาจะติดจากคนที่ไม่ฉีดวัคซีนมากกว่า เราต้องฉีดวัคซีนให้ธุรกิจโรงแรม คน มากกว่า นอกจากกติกาแล้ว ประกัน ต่างๆ อย่าง 14 วัน กว่าจะไปไหนได้ มันนาน เราจะไปเอาภาพเก่า ที่ไม่มีการฉีดวัคซีน ไม่ได้ วันนี้มีแล้ว ถ้าเป็นวัคซีนที่ WHO รับรอง ก็น่าจะพอ อยู่ 7 วันก็น่าจะพอ ถ้า 14 วัน นักท่องเที่ยวเหลือน้อยลง อยากได้นักท่องเที่ยว หรืออยากทำอะไรแน่ ถ้าอยากได้นักท่องเที่ยว ก็ต้องกล้าๆหน่อย คนของเรา ที่บริการเขา ยังฉีดน้อยไปหน่อย ต้องระดมไปเลย

อัด วัวในฟาร์มยังเลือกวัคซีน

ทั้งนี้ หมอบูรณ์ – บูรณ์ อารยพล ได้เข้ามาร่วมสอบถาม ถึงประเด็นประกันสังคม ที่อยากจะนำเงินออกมาใช้ก่อนนั้น โทนี กล่าวว่า วันนี้หนักใจ อนาคต ถ้ายังหวงข้อมูล เก็บข้อมูลไว้อย่างนี้ ไม่ได้เอามารวมกันสร้างบิ๊กดาต้าแบบนี้ ต่อไปเราลำบาก อย่างเอไอ ก็เรียนรู้ข้อมูลที่มี ทั้งหมดมาจากข้อมูล ถ้าไม่มี จะทำอย่างไรให้พัฒนา

“อย่างข้อมูล ระบบราชการที่หวงข้อมูล อย่างประกันสังคม เขาต้องมีพาสเวิร์ด ว่าส่วนของเขามีเท่าไหร่ ให้เลือกเลย ว่าช่วงนี้เขาลำบาก เขาจะเอากลับไปเท่าไหร่ เขาเอาไปครึ่งเดียวหรือไร ต้องให้เขาบ้าง อีกหน่อย ระบบฟินเทค ที่ใช้กับประกันสังคม เอไอ ทำงานแทนคน คัดคนได้ว่าระดับไหน ยังไง ให้ผ่อนคลายความเดือดร้อนเขาได้ ไม่งั้นไปกู้นอกระบบ ก็ลำบาก การปกครองแบบ มี flexibility มีข้อมูล ให้เขาเลือกเอง สำคัญ
ราชการยังเป็นหนี้ สมทบช้า ค่อยๆผ่อน ไม่ได้สมทบเต็มที่ ทุกคนต้องโปร่งใสกว่านี้ ไม่งั้นคนไทยจะลำบาก ไม่รู้จะคิดอย่างไร ไม่มีข้อมูลเลย

“ราชการ ต้องหัวใจรักประชาชน วัวในฟาร์มยังเลือกวัคซีนเลย กลัววัวตาย เราต้องมีเมตตาธรรมต่อเขา ต้องรีบไปรักษาเขา”

วิกฤตนี้ ยิ่งกว่าต้มยำกุ้ง

ในช่วงท้ายของการร่วมพูดคุยในคลับเฮาส์ครั้งนี้ โทนี ระบุว่า ครั้งนี้เป็นวิกฤตสำคัญของประเทศ ยิ่งกว่าต้มยำกุ้ง เป็นความเดือดร้อนที่ครบทุกรูปแบบ หากเอาข้อมูลจากทุกภาคส่วน มาระดมสมองแก้ปัญหา จะมีคัมภีร์การแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว

“ตอนนี้ สุดๆทุกอาชีพแล้ว มีแค่บางอาชีพที่ไปได้ เช่น นักลงทุน เล่นหุ้นเก่งๆ หรือการค้ากับรัฐบาล นอกนั้นเหนื่อยหมด ขนาด consumer product ก็หนัก เพราะกำลังซื้อมันไม่มี”

ทั้งนี้ ผู้ร่วมเสวนาได้ถามว่า คิดว่ารัฐบาลคงโควิดไว้ เพื่อป้องกันการชุมนุมหรือไม่ โทนีระบุว่า ตอนนี้สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ต่ออายุยาวที่สุดในโลก คิดว่าคงไม่คงไว้ แต่เอาไม่อยู่มากกว่า ผลพลอยได้คือ สกัดม็อบ อาจจะสะดวกขึ้น แต่ม็อบเด็กนักเรียน ระดับหนึ่ง แต่ม็อบคนที่จะเจ๊ง ไม่มีจะกิน จะหนักกว่า

ส่วนความคิดที่ให้ลดเงินเดือนราชการ เยียวยาประชาชนนั้น โทนี กล่าวว่า เป็นเรื่องยากของรัฐบาล ที่จะตัดสินใจอย่างนั้น ปัญหาคือ รัฐบาลต้องให้ข้าราชการได้สำนึกว่า เรากินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ถ้าวันนี้ประชาชนลำบาก ไม่มีเงินเสียภาษี ก็เก็บรายได้ได้น้อยลง ข้าราชการก็ขึ้นเงินเดือนไม่ได้ สมัยผม ราชการบริการประชาชน ถ้าประชาชนอยู่ดีมีสุข ข้าราชการก็จะมีเงินเดือนขึ้น มีโบนัส

และยังระบุถึงมาตรการรัฐที่กู้เงินมาแจกว่า แจกเงิน ถ้าเรามีเงินเหลือ อย่างสิงคโปร์ ปีหนึ่ง เขามีรายได้เยอะขึ้น ก็คืนเงินให้ประชาชน แต่กู้มาแล้ว แทนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกไปไม่กี่มื้อก็หมด แต่เศรษฐกิจพัง ก็ไม่คุ้ม การแจกเงิน ไม่ต้องใช้ความคิดเลย ถ้าใช้ความคิด ต้องแยบยลที่จะให้เศรษฐกิจมันฟื้น ให้หมุนหลายๆรอบ แจกเงินหาเสียง ง่ายมาก

พร้อมกันนี้ โทนี ยังเปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือชีวประวัติแล้ว โดยจะออกปลายปีนี้ เป็นหนังสือรูปแบบใหม่ ที่มีลิงก์ เว็บตูน โดยต้องรีบทำเพราะตอนนี้ยังจำเรื่องราวต่างๆได้อยู่ ทั้งยังระบุในตอนหนึ่งเมื่อถูกถามว่า จะกลับประเทศไทยหรือไม่ว่า “กลับแน่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image