17 องค์กรลุกฮือ ชวนผู้บริโภค ย้ายค่าย ค้านควบรวมทรู-ดีแทค

17 องค์กรลุกฮือ ชวนผู้บริโภค ย้ายค่าย ค้านควบรวมทรู-ดีแทค

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ 16 องค์กร อาทิ กลุ่มผู้บริโภคคัดค้านการควบรวมทรู-ดีแทค กลุ่มพลเมืองเพื่อเสรีภาพการสื่อสาร เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ออกแถลงการณ์ร่วม “ย้ายค่าย” ค้านควบรวม พร้อมจัดการ กสทช. หากทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพง

กลุ่มผู้บริโภคค้านการควบรวมทรู-ดีแทค ประกาศ “พร้อมย้ายค่ายมือถือ” ใช้ “อำนาจไม่ซื้อ” แสดงพลังผู้บริโภคคัดค้านการดำเนินการควบรวม 2 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ค่ายทรู-ดีแทค ที่จะต้อนผู้บริโภคเข้าคอกเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การผูกขาด

พร้อมจะแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นว่า ผู้บริโภคไม่ใช่ของตายที่จะปฏิบัติต่อผู้บริโภคเหมือนสิ่งของไว้ แลกเปลี่ยน หรือต่อรองทางการตลาดไม่ได้ และคาดโทษคณะกรรมการ กสทช. หากไม่ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชน ที่ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก เป็นเหตุให้ผู้บริโภคต้องมีภาระจ่ายค่าบริการมือถือและอินเตอร์เน็ตแพงขึ้น ก็จะดำเนินการต่อ กสทช. ให้ถึงที่สุด

ที่ผ่านมา แม้มีการโฆษณาออกข่าวชวนเชื่อว่า การควบรวมกิจการระหว่าง 2 ค่ายมือถือจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่ในความเป็นจริงเมื่อเกิดการควบรวมแล้ว จะนำไปสู่การผูกขาดของ 2 ค่ายใหญ่ คือ บริษัทใหม่ของทรูและดีแทค กับเอไอเอส ที่จะควบคุมการดำเนินการตลาดมือถือแบบเบ็ดเสร็จ

Advertisement

จากข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากนักวิชาการได้แสดงว่า ผู้บริโภคต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม ระหว่าง 2.03% ถึง 244.5% เนื่องจากในภาวะตลาดผูกขาด 2 บริษัทนี้จะลดการแข่งขันลง และเพิ่มการ “ฮั้ว” ในธุรกิจกินรวบผู้บริโภค โดยที่ 2 บริษัทนี้รวมกันจะมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 97% ที่จะทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก หมดอำนาจการต่อรอง

ไม่มีอะไรที่รับประกันต่อผู้บริโภคได้ว่า หลังการควบรวม ที่เหลือคู่แข่งเพียง 2 รายในตลาดแล้วจะไม่มีการขึ้นราคา เพราะแม้แต่การแถลงการณ์ประกาศการควบรวมของบริษัท ทรู-ดีแทค ก็ยังไม่มีการแสดงความจริงใจว่าค่าบริการจะไม่เพิ่มขึ้น โดยที่ตัวแทนของ 2 บริษัทใช้คำพูดว่า “เรื่องราคา กสทช. ดูแลอยู่แล้ว” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น “ย้ายค่าย” คือคำตอบสุดท้ายของผู้บริโภค

ส่วนบทบาทของคณะกรรมการ กสทช.นั้น กลุ่มผู้บริโภคค้านการควบรวมรู้สึกผิดหวังในการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชนของ กสทช. ไม่ดำรงในความเป็นอิสระที่มีหน้าที่ตามบทรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่ต้องยืนหยัดในการรักษาผลประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง ด้วยการไม่ใช้อำนาจของตนเอง แต่ยกการพิจารณาตีความอำนาจของตนเองไปให้ศาลและคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งการแสดงออกเช่นนั้นเป็นความไม่รับผิดชอบต่อสังคม หรือประชาชนโดยรวม

แม้ขณะปัจจุบันที่ได้มีการตีความอย่างชัดเจนแล้วว่า กสทช.มีอำนาจพิจารณา อนุมัติ หรือไม่อนุมัติการควบรวมครั้งนี้ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ก็ยังมีทีท่าว่า กสทช.อาจจะอนุมัติการควบรวมที่นำไปสู่ตลาดผูกขาด ด้วยการออกมาตรการเยียวยา 14 ข้อ ก่อนการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งในมาตรการดังกล่าวคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมและนักวิชาการชี้แล้วว่า เป็นมาตรการที่หละหลวม ลอยแพผู้บริโภค เมื่อเป็นเช่นนี้

กลุ่มผู้บริโภคค้านการควบรวมจะดำเนินการต่อ กสทช. ถึงที่สุดหาก กสทช.หักหลังประชาชนในฐานะตัวแทนตามกฎหมาย

จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกค่ายมือถือร่วมกันส่งเสียงคัดค้านการควบรวม ให้ กสทช. พิจารณา “ไม่อนุญาต” ให้ควบรวมในการประชุมวันที่ 12 ตุลาคมที่จะถึงนี้ และชวนให้ผู้ที่อยู่ในค่ายทรู และดีแทค “เท” 2 ค่ายนี้ด้วยการย้ายค่ายเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองของผู้บริโภคให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่ใช่จำนวนตัวเลขในมือค่ายมือถือ แต่เป็นผู้ที่มีสิทธิในการใช้อำนาจ “ซื้อ” หรือ “ไม่ซื้อ” ที่เปลี่ยนอำนาจการต่อรองกลับมาสู่ผู้บริโภค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image