bg-single

ชัยชนะที่แท้ คือไม่พาคนไปตาย | คำ ผกา

20.06.2025

คำ ผกา

ชัยชนะที่แท้

คือไม่พาคนไปตาย

ถามว่าความใฝ่ฝันสูงสุดของฉันต่อการเมืองไทยคืออะไร?

คำตอบคือ อยากเห็นการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของประเทศไทยดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไร้รอยสะดุด

วรรคทองที่ว่า “เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” น่าจะเป็นภาพลวงตาที่สำคัญมากของยุคสมัย เพราะมันกล่อมเกลาให้เราเชื่อว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่การต่อสู้กับเผด็จการของเราจบลงและประชาธิปไตยกลับคืนมา ประเทศชาติของเราจะราบรื่นเรืองรองเต็มไปด้วยเรื่องดี มีผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งที่เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำงานหนัก ทุ่มเท และท้ายที่สุดประเทศของเราจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

และตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาของการเมืองไทยร่วมสมัย พวกเราก็ไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเกิน 10 ปีแม้แต่ครั้งเดียว

ย้ำว่าตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่นับตั้งแต่หลัง 2475 เป็นต้นมา คนไทยไม่เคยได้อยู่กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเกินสิบปีเลย

มองในแง่นี้สภาพของประเทศไทยเลวร้ายยิ่งกว่าฟิลิปปินส์เสียอีก

และเพราะเหตุว่าเราไม่เคยอยู่กับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเกิน 10 ปี

และวุ่นวายอยู่กับการต่อสู้กับเผด็จการบ้าง หลงรักเผด็จการบ้าง อินเลิฟกับนายกฯ ที่มาจากการแต่งตั้งบ้าง

เราจึงมักมีแฟนตาซีสองชุดที่ขัดแย้งกันอยู่เสมอนั่นคือ

หนึ่ง มีแฟนตาซีตามที่คึกฤิทธิ์ ปราโมช เคยพูดเอาไว้นั่นคือ

“หากนักการเมืองไทยไม่คอร์รัปชั่น ถนนในเมืองไทยจะปูด้วยทองคำ”

สอง มีแฟนตาซีว่า หากเราปฏิวัติโค่นล้มเผด็จการและนายทุนขุนศึกได้

เราจะมีประชาธิปไตยและประเทศเราจะเจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ

สองแฟนตาซีนี้ขัดแย้งกันอย่างไร?

สองแฟนตาซีนี้ขัดแย้งกันเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโค่นล้มเผด็จการได้ เข้าสู่การเลือกตั้ง เราก็จะได้นายกฯ พลเรือนจากการเลือกตั้งที่ไม่เคยและไม่มีวันจะทำงานถูกใจประชาชน ตอนชาติชาย ชุณหะวัณ เราก็ว่าเป็นบุพเฟ่ต์คาบิเน็ต ตอนบรรหาร ศิลปอาชา ก็บอกว่าเป็นหลงจู๊ ตอนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่าขายชาติ ตอนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็บอกว่านายกฯ โง่ โกง มาถึงเศรษฐา ทวีสิน ก็ไปเรียกเขาเป็นเศรษฐถุย บินไปเมืองนอกเป็นแมลงหวี่ มาถึงแพทองธาร ชินวัตร ก็บอกว่าไร้ภาวะผู้นำ ขาดความสามารถ เป็นหุ่นเชิดของพ่อ

จากนั้นเราก็จะวนไปโหยหาการรัฐประหาร พอรัฐประหารขึ้นมาจริงๆ เราก็โวยวายทำไมประเทศชาติล้าหลัง ไม่เป็นประชาธิปไตย เราก็จะต่อสู้ๆๆ แล้วเราก็จะท่องบทกวี “เมื่อท้องฟ้าสีทอง” กันอีกรอบ

จากนั้นอีกสิบปีเราก็จะได้เลือกตั้งอีก เมื่อเลือกตั้งอีกเราก็จะเกลียดนายกฯ และรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งอีก

วนลูปกันไปแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

หลายคนอาจจะเถียงว่า ถ้าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือใครสักคนจากพรรคก้าวไกล พรรคประชาชนได้เป็นนายกฯ จะดีกว่านี้

เป็นนายกฯ ที่ตรงกับภาพฝันของคนสิบสี่ล้านคน รัฐมนตรีทุกคนจากพรรคส้มจะโค่นล้มนายทุน ขุนศึก กระชากหน้ากากข้าราชการคอร์รัปชั่นได้ทุกวัน

มีปัญหากับกัมพูชาก็จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ดีกว่าแน่ๆ?

แต่ฉันถามกลับว่า มีอะไรการันตีเช่นนั้น?

เพราะสิ่งแรกที่พิธาและพรรคส้มจะต้องเจอคือการถูกโจมตีจากสลิ่มเฟสหนึ่งเรื่อง “ล้มเจ้า”

ดังคลิปเจ้าปัญหาที่ทำให้พิธาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นั่นคือคลิป “หากแก้ไม่ได้ก็ไปยกเลิกด้วยกัน”

ขนาดพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ สิ่งนี้ยังตามมาหลอกหลอนจนต้องหลุดจากการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

ไม่เพียงเท่านั้น ลักษณะของรัฐบาลผสมที่ต้องผสานผลประโยชน์และอุดมการณ์ของนักการเมืองหลายพรรคหลายมุ้ง สภาพรัฐบาลผสม ก้าวไกล เพื่อไทย ภูมิใจไทย หรือก้าวไกล เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือจะสูตรไหนก็หนีไม่พ้นที่ต้องมีพรรคสาย “อนุรักษนิยม” เดิมเข้ามาแทรกเป็นยาดำเสมอ

ไม่นับว่าหากเพื่อไทยกับก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลกันก็มีเรื่องที่ต้องขัดแย้งกันในเกือบทุกมิติ

ไม่นับว่ายังมีองค์กรอิสระ มีระบบราชการที่ในรอบสิบปีภายใต้รัฐบาลสมัยประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถ่ายโอนอำนาจจากนักการเมือง ฝ่ายบริหารที่มาจากการเมืองไปไว้ในมือของข้าราชการเกือบทั้งหมด

สุดท้ายต่อให้นายกฯ มาจากพรรคก้าวไกลก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการทำงานเหมือนที่รัฐบาลเพื่อไทยเจออยู่ตอนนี้คือ ปัญหาจากอำนาจนอกระบบการเลือกตั้ง และความจำเป็นที่จะต้องประนีประนอมกับพรรคร่วมรัฐบาล

สุดท้ายคู่แข่งทางการเมืองก็จะกลับมาโจมตีพรรคก้าวไกลอยู่ดีว่า “ไม่เห็นทำได้อย่างที่คุย”

หากกลับมาถามฉัน ฉันก็จะตอบว่า สภาวะเป็นเป็ดง่อยของรัฐบาลพลเรือนในระบบนิเวศน์อย่างที่เป็นอยู่นี้เป็นเรื่องปกติ รัฐบาลประคองตัวเอง หรือประคองประเทศให้เข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่สองในปี 2570 ได้ก็ถือว่าเราได้พากันมาไกลมาก

และหากย้อนไปอ่านบทความเดิมๆ ของฉันที่เขียนในมติชนสุดสัปดาห์แห่งนี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา ฉันย้ำอยู่เสมอว่าอย่าห่วงพรรคการเมืองมากกว่าห่วงประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่เราเชียร์แพ้ก็ได้ แต่ประชาธิปไตยต้องได้ไปต่อ ประชาชนต้องมีขันติธรรมต่อความ “ไม่เก่ง” ไม่ได้อย่างใจของรัฐบาลพลเรือนให้มาก

และโปรดท่องไว้เสมอว่า ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสของเราที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และสังคมประชาธิปไตยไม่เคยการันตีว่า ประเทศเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ตรงกันข้าม ประชาธิปไตยอาจทำให้เราได้นายกฯ ที่แย่ลง แย่ลง และแย่ลง ก็เป็นไปได้ (ยกตัวอย่างความรู้สึกของคนฟิลิปปินส์) และนี่คือความจริงอันไม่น่าพิศมัยของการปกครองระบอบประชาธิปไตย

หรือประชาธิปไตยอาจทำให้เราได้นายกฯ ได้รัฐบาลที่เก่ง 4 ปี แล้วกลับมาได้นายกฯ ได้รัฐบาลที่ห่วยอีก 8 ปีก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน

สิ่งที่เราไม่ควรจะลืมอย่างยิ่งคือ ณ วันนี้ของประเทศไทย เราเพิ่งมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งยังไม่ถึงสามปี ท้องฟ้ามันไม่สามารถเป็นสีทองผ่องอำไพได้ภายใน 4 ปีของรัฐบาลนี้แน่นอน

และฉันก็การันตีว่าอีก 8 ปีการเลือกตั้งก็ยังคงไม่ดีอยู่แบบนี้แหละ

แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือหากเราเข้าใจเรื่องนี้ก็คือเราจะช่วยประคองประเทศไม่ให้เกิดรัฐประหาร เราจะตำหนิ จะด่ารัฐบาลว่าห่วยยังไงก็ได้

แต่สิ่งที่เราไม่พึงทำอย่างเด็ดขาดคือสร้างสถานการณ์ที่กลายเป็นความชอบธรรมให้กองทัพเข้ามายึดอำนาจ ทำรัฐประหาร เพราะหากเราทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย

และการต่อสู้กับยุคประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมาก็สูญเปล่า ภาวะที่อวดอ้างกันว่าฉันตาสว่างแล้วก็สูญเปล่า

มันน่าเสียใจที่สถานการณ์ “ขลุกขลัก” กับประเทศกัมพูชาที่เกิดขึ้น คนไทยควรจะเข้าใจ หรืออย่างน้อย สื่อมวลชนไทย นักวิชาการไทย ควรมีความสามารถหรือมีความกระตือรือร้นในการให้สติกับสังคมไทยว่า

หนึ่ง ความกำกวมเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องสามัญธรรมดาของทุกประเทศบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศที่เกิดใหม่หลังได้รับเอกราชจากประเทศอาณานิคม

สอง ประเทศที่เจริญแล้ว จะไม่มารบรากันเรื่องความชัดเจนของเส้นเขตแดน แต่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน จินตนาการถึงภาพเด็กเล่นชิงช้าตรงพรมแดนที่ข้ามไปมาระหว่างสองประเทศอย่างไร้รอยต่อ นึกถึงการที่เราสามารถถือวีซ่าเชงเก้นแล้วนั่งรถไฟข้ามไปในหลายประเทศของยุโรปได้อย่างราบรื่น

สาม เราพึงรู้ว่าความกำกวมของเส้นพรมแดนในหลายประเทศจะถูกคงสภาพให้กำกวมไว้เช่นนั้นภายใต้การทำข้อตกลงความเข้าใจร่วมกันเพื่อรักษา “สถานะ” ของทั้งสองฝ่ายไม่ให้มีใครต้องเสียหน้า หรือได้ชื่อว่า แพ้ หรือ ชนะ เพื่อให้ชีวิตของผู้คนที่ชายแดนสามารถไปมาหาสู่ ค้าขาย หรือแม้แต่มีญาติ มีครอบครัว อาศัยอยู่ทั้งสองประเทศ ไปมาหาสู่กันได้อย่างมีความสุข เช่น ชาวท่าขี้เหล็กเอาผักเอาข้าวมาขายที่ตลาดแม่สาย เช้าไปเย็นกลับ เป็นต้น

สี่ เขตแดนในหลายรูปแบบไม่อาจหาความชัดเจนแบบจับให้มั่นคั้นให้ตายได้ เช่น เขตแดนพื้นที่ใต้ท้องทะเล มหาสมุทร จึงไม่ควรเสียเวลามาทะเลาะกันว่าตรงไหนของฉัน ตรงไหนของเธอ แต่กำหนดว่าตรงไหนไม่รุกล้ำเข้ามาก็เพียงพอ

ห้า เราพึงรู้ด้วยว่าข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มักถูกนำมาใช้เพื่อตอบสนอง “อารมณ์ความรู้สึก” ภายในประเทศมากกว่าเรื่อง “การต่างประเทศ” ด้วยตัวของมันเอง

หากการเมืองภายในประเทศง่อนแง่น ก็ง่ายมากที่จะมีการใช้ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนมาปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อสร้างความนิยมให้ผู้นำของประเทศนั้น

เช่น เธออาจจะล้มเหลวในทุกนโยบาย แต่ฉันจะรักเธอเพราะเธอทำให้เรามีศักดิ์ศรี เธอทำให้ประเทศเพื่อนบ้านต้องสยบยอมต่อเรา เธอทำให้อีเพื่อนบ้านที่มันกร่างใส่เรามาตลอดต้องมาอ่อนข้อให้เรา แพ้เรา

ในบทความนี้ฉันจะไม่ก้าวก่ายการเมืองภายในของประเทศอื่น แต่ฉันคิดว่าท่าทีของรัฐบาลต่อความขลุกขลักในประเด็น “เขตแดน” ไทย-กัมพูชา นั้นดำเนินมาบนหลักการที่ถูกต้อง นั่นคือ

หนึ่ง ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกที่จะมาตัดสินในเรื่องความกำกวมหรือการยึดถือแผนที่คนละฉบับระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่ยืนยันจะใช้เวทีการพูดคุย เจรจา เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

สอง เป็นเรื่องที่น่าเคารพมากที่นายกฯ ของไทย และ รมว.กลาโหมของไทย เน้นย้ำถึงสวัสดิภาพของประชาชนทั้งสองประเทศ ย้ำว่าทั้งสองประเทศ

สาม รัฐบาลยืนยันว่าหนทางที่ดีที่สุดคือการให้เกียรติกันและกัน และให้พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ของมิตรภาพ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชนที่มีชีวิตอยู่ในพื้นที่ชายแดน

สามจุดยืนนี้ เอาไปประกาศที่ไหนในโลก ประเทศไทยก็จะได้รับการยกย่องสรรเสริญว่ามีวุฒิภาวะและมีความพยายามจะจรรโลงไว้ซึ่งสันติภาพในภูมิภาค

มาตรการการตอบโต้ที่เป็นเรื่องการบอยคอต ตัดไฟ ตัดเน็ต ปิดด่าน เรียกคนงานกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทยกลับประเทศ ฉันคิดว่าเราไม่อาจแทรกแซงการตัดสินใจของกัมพูชาได้ แต่อาจต้องเร่งหามาตรการเยียวยาผลกระทบ เช่น เราจะหาแรงงานจากที่อื่นมาทดแทนแรงงานที่ขาดหายไปได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ส่งผลประทบต่อผู้ประกอบการ

เรื่องนี้อาจจะสำคัญกว่าการโต้ตอบในเชิงใครหยามศักดิ์ศรีใคร

ด่านที่ปิด ส่งผลกระทบต่อโลจิสติกส์ในเรื่องอะไรบ้าง มีอะไรมาทดแทนหรือเยียวยาความเสียหายได้บ้าง

หากจะมีเรื่องที่เรียกร้องต่อรัฐบาล ฉันอยากเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแจ้งให้ประชาชนทราบว่า ผลกระทบของเราคืออะไร รายได้หายไปเท่าไหร่ รัฐบาลจะช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร

ส่วนการเมืองในประเทศไทยนั้น ฉันเองรู้สึกฉงนมากว่า พวกคลั่งชาติ เชียร์ให้รบ ให้เอาดินแดนคืนมาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และปลงมานานแล้ว

แต่กลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าหัวก้าวหน้า ปัญญาชน สื่อสาธารณะ สื่อทางเลือกที่ “อินดี้” ทั้งหลาย “แบก” เอาความหมั่นไส้รัฐบาล เกลียดทักษิณ เกลียดแพทองธารไว้มากเสียจนนำเสนอความคิดเห็น และพยายามชี้นำสังคมไปจนกระทั่งเอาข่าว “ภายใน” ประเทศกัมพูชามานำเสนอเพื่อทำให้สังคมเข้าใจให้ได้ว่ารัฐบาลไทยหน่อมแน้ม ตอนนี้ ฮุน เซน ฉลาดมาก เก่งมาก เราจะเสียเปรียบแน่ๆ เราต้องเสียท่าแน่ๆ

คืออยู่ๆ ก็วิ่งไป “งับ” ข่าวจิตวิทยาภายในกัมพูชาเพื่อสร้างภาพว่ารัฐบาลไทยเสียเปรียบ และความเกลียดรัฐบาลที่นำโดยนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยมีมากเสียจนอยากเห็นประเทศไทยต้อง “แพ้” จริงๆ เพียงเพื่อตัวเองจะได้มีเรื่องไปเล่าได้ชั่วลูกชั่วหลานว่า “เนี่ยเราแพ้เพราะมีนายกฯ ชื่อแพทองธาร”

ด้วยแรงปรารถนาเช่นนี้จึงทำให้สถานการณ์ข่าวสารทุกอย่าง “เข้าทาง” กัมพูชา

เรียกว่าประเทศชาติแพ้ไม่ว่า ขอกูได้สะใจ

ขอกูได้โอกาสด่าแพทองธารแรงๆ หรือประเทศชาติเสียหายช่างมัน ขอครั้งหน้าเพื่อไทยสูญพันธุ์

ส่วนรัฐบาลก็ตกที่นั่งลำบากแน่นอน ไปเย้วๆ ท้าตีท้าต่อยก็เข้าทางกัมพูชา แล้วอีพวกหัวก้าวหน้าก็จะกลับมาตราหน้าว่ารัฐบาลนี้ชักศึกเข้าบ้าน

เดินหน้าในทางสันติ อีหัวก้าวหน้าหน้าเดิมก็จะชี้หน้าด่าว่า โง่ อ่อนหัด

สิ่งเดียวที่รัฐบาลพึงทำคือยึดมั่นในหลักการที่เป็นสากล

ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีอย่างที่พยายามอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด

อย่างน้อยก็ไม่มีตราบาปติดตัวว่าพาใครไปตาย



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

นายกรัฐมนตรีคนนอก ? | ลึกแต่ไม่ลับ
“รมว.นฤมล”นำ ศธ.ผนึกกำลังกระทรวงเกษตรฯ“เปิดงานคลินิกเกษตรฯ จ.นครศรีฯ เดินหน้าบูรณาการแก้ปัญหาให้ ปชช. เผย เตรียมแถลงแผนลดภาระครู–แก้หนี้ครู
นกแร้งเหนือเมฆ
ปลาหมอคางดำในเขตอภัยทาน | เรื่องสั้น : วัชรินทร์ จันทร์ชนะ
สิ้น | กวีกระวาด : โชคชัย บัณฑิต’
ศักดินา พิษ “สีกากอล์ฟ” เขย่า วงการผ้าเหลือง ยกเลิกสถาปนาสมณศักดิ์ แก้ กม.คุม “สงฆ์-ผลประโยชน์”
แม้ว ‘สทร.’-ถูกตามบี้ ‘ทุกเรื่อง’ เจอร้อง ‘ครอบงำ’ ซ้ำสอง พา ‘เพื่อไทย-6 พรรค’ ร่วมระทึก
จาก ‘กันตรึม’ สู่ ‘GUN ตรึม’
ดาวกับดวง โดย พิมพ์พรร วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568
‘สีกากอล์ฟ’ กับ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’ | ปราปต์ บุนปาน
แพทองธาร พร้อมผลักดันสื่อสารภาพลักษณ์พุทธศาสนาให้ทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ลอย ชูโมเดล การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยุทธวิธีของ ปธน. Javier Milei ที่ไทยควรเรียนรู้