
Copenhagen : เมืองหลวงแห่งความหวัง ของประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม และ Hygge

บทความพิเศษ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ดร.เดชรัตน์ สุขกำเนิด
Copenhagen
: เมืองหลวงแห่งความหวัง
ของประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม และ Hygge
สัปดาห์ก่อน เราเขียนถึงฟินแลนด์-ประเทศที่ให้บทเรียนเรื่องการศึกษา ความเข้มแข็งจากภายใน (Sisu) และการสร้างความไว้วางใจในระบบสาธารณะ
สัปดาห์นี้ เราข้ามสะพาน ?resund มายัง “เดนมาร์ก” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยฝังแน่นไม่แพ้กัน
และยังกลายเป็น “แชมป์ด้านสิ่งแวดล้อม” ที่ทั่วโลกจับตามอง
เราเดินทางมาร่วมงาน Copenhagen Democracy Summit ซึ่งจัดขึ้นโดย Anders Fogh Rasmussen อดีตนายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก และอดีตเลขาธิการ NATO ผู้ก่อตั้ง Alliance of Democracies Foundation เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มการถดถอยของประชาธิปไตยทั่วโลก
เขาเชื่อว่าในยุคที่ระบอบเผด็จการกลับมาในหลายภูมิภาค และเทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือบิดเบือนความจริง เสรีภาพจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อโลกเสรีร่วมมือกัน
การประชุมปีนี้รวบรวมทั้งผู้นำประเทศ อดีตผู้นำจากยุโรปตะวันออก ผู้แทนจากไต้หวัน ยูเครน และกลุ่มภาคประชาสังคมทั่วโลก พูดคุยกันในคำถามที่ท้าทายว่า – จะฟื้นฟูความไว้วางใจในระบบเลือกตั้งได้อย่างไร?
จะจัดการกับ deepfake, AI-generated disinformation อย่างไร?
และจะทำให้ประชาธิปไตย “ใช้งานได้จริง” โดยไม่ถูกมองว่าเชื่องช้าและไร้ประสิทธิภาพในยุคแห่งความเร่งด่วน
แต่ขณะที่เรามองไปข้างหน้าในเรื่องประชาธิปไตย สิ่งที่เดนมาร์กกำลังทำในอีกด้านหนึ่งกลับน่าทึ่งไม่แพ้กัน – นั่นคือ การสร้างเมืองและประเทศให้เป็นกลางทางคาร์บอนอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม
เดนมาร์กมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emission) ภายในปี 2045 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 70% ภายในปี 2030 จากระดับปี 1990 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เข้มข้นที่สุดประเทศหนึ่งในโลกและมีผลผูกพันตามกฎหมาย
กรุงโคเปนเฮเกนตั้งเป้าเป็น “เมืองหลวงแห่งแรกของโลกที่ปลอดคาร์บอน” ภายในปี 2025 โดยกว่า 80% ของระบบทำความร้อนในเมืองใช้ระบบ district heating ที่รวบรวมพลังงานจากขยะ พลังงานหมุนเวียน และโรงงาน แล้วกระจายความร้อนสู่บ้านเรือนอย่างมีประสิทธิภาพ
เบื้องหลังเป้าหมายที่ทะเยอทะยานนี้ ไม่ได้มีเพียงเทคโนโลยีหรือนโยบายเท่านั้น หากแต่มีวัฒนธรรมที่เรียกว่า “Hygge” – แนวคิดเรื่องความเรียบง่าย อบอุ่น และการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสิ่งรอบตัว
Hygge ไม่ใช่แค่การตกแต่งบ้านด้วยแสงเทียนหรือห่มผ้าอุ่นๆ ในฤดูหนาว แต่คือวิธีคิดของสังคมที่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ความยั่งยืนของชีวิต และความสุขจากสิ่งเล็กๆ ที่พอเพียง
มันคือการ “ใช้ชีวิตช้าๆ อย่างมีจุดหมาย” ซึ่งกลายเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำโดยไม่สร้างแรงต้าน
ระดับประเทศ
: 3 โครงการเด่นที่เดนมาร์กลงมือทำจริง
1. โรงงาน e-methanol ที่ Kass?, Jutland – ด้วยความร่วมมือของ M?rsk, Lego และ Novo Nordisk โรงงานแห่งนี้ผลิต e-methanol จากพลังงานลมและ CO? ที่จับจากอุตสาหกรรม สร้างเชื้อเพลิงสะอาดให้กับเรือเดินสมุทร ซึ่งปล่อยคาร์บอนมากกว่าเครื่องบินเสียอีก กำลังการผลิตสูงถึง 42,000 ตัน/ปี ลดการปล่อยคาร์บอนได้ราว 100,000 ตัน/ปี
2. เกาะพลังงานเทียมกลางทะเลเหนือ (North Sea Energy Island) – โครงการนี้จะรวมพลังงานจากฟาร์มลมนอกชายฝั่งกว่า 200 ต้น ผลิตไฟฟ้าสะอาดได้สูงสุด 10 กิกะวัตต์ – เพียงพอสำหรับบ้านกว่า 10 ล้านหลัง – และเชื่อมต่อสู่ประเทศเพื่อนบ้านเช่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม
3. Bornholm Smart Energy Island – เกาะบอร์นโฮล์มเป็นห้องทดลองพลังงานหมุนเวียนที่รวมโซลาร์เซลล์ พลังงานลม ระบบกักเก็บพลังงาน และสมาร์ทกริดไว้ในระบบเดียว ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านพลังงานชุมชน (community energy) และใช้ระบบบริหารจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์
ระดับเมือง
: 3 นวัตกรรมสีเขียวในโคเปนเฮเกน
1. CopenHill – โรงไฟฟ้าขยะที่แปรรูปขยะ 440,000 ตัน/ปี เป็นพลังงานสะอาด พร้อมพื้นที่บนหลังคาที่กลายเป็นลานสกี ผนังปีนเขา และเส้นทางเดินชมวิว เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเป็นพื้นที่ชีวิต
2. Karens Minde Aksen – พื้นที่สีเขียวในเขต Sydhavn ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ถูกออกแบบใหม่ให้เป็น “เมืองฟองน้ำ” ด้วยคลองธรรมชาติ พื้นซึมน้ำ และต้นไม้กว่า 200 ต้น ดูดซับและชะลอน้ำฝน พร้อมเปิดพื้นที่ให้ชุมชนใช้สันทนาการ
3. Paper Island และ Opera Park – จากพื้นที่อุตสาหกรรมริมทะเล กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองที่รวมสวนสาธารณะหลังคาเขียว พื้นที่ศิลปะสำหรับเด็ก จุดชมวิว และทางเดินสาธารณะริมทะเล ที่ผสมผสาน “สิ่งแวดล้อม” เข้ากับ “ความน่าอยู่” อย่างลงตัว
สิ่งที่น่าฉงนเกี่ยวกับเดนมาร์กคือ ในขณะที่สังคมนี้ยึดหลัก “ความพอดี” อย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบของ Janteloven ที่ห้ามโอ้อวดหรือทำตัวเด่นเกินใคร และวัฒนธรรม Hygge ที่เน้นความสุขเรียบง่ายกับสิ่งเล็กๆ – ประเทศกลับสามารถสร้างความเป็นเลิศในระดับโลกได้ในหลากหลายด้าน
คำอธิบายหนึ่งอาจอยู่ที่ “ความสม่ำเสมอของระบบ” และ “คุณภาพของโครงสร้างร่วม”
เมื่อไม่มีใครพยายามแย่งซีน แต่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ในจุดที่ควรอยู่ ระบบก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพึ่ง “ฮีโร่” หรือ “อัจฉริยะ” รายคน
ความไม่สุดโต่งกลับทำให้ประเทศนี้แข็งแกร่ง – เพราะทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่มีใครล้ำหน้า แต่ก็ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เดนมาร์กจึงไม่ใช่แค่ประเทศที่ “คิดเก่ง”
แต่เป็นประเทศที่ “ลงมือทำจริง” โดยมี Hygge เป็นพลังเงียบที่หล่อเลี้ยงความเปลี่ยนแปลง
จากเดนมาร์ก เราจะเดินทางต่อไปยัง สวีเดน เพื่อศึกษาว่าอีกหนึ่งประเทศนอร์ดิกจะออกแบบประชาธิปไตย ความเป็นอยู่ และความยั่งยืนอย่างไรในโลกหลังยุควิกฤต
หมายเหตุ : ดร.เดชรัตน์ สุขกำเนิด เป็นผู้อำนวยการ Think Forward Center
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022