bg-single

ชีวิตในวิถี ‘ขาดศรัทธา’

16.06.2025

เมนูข้อมูล | นายดาต้า

ชีวิตในวิถี ‘ขาดศรัทธา’

แม้ที่สุดจะจบลงด้วยบทสรุปว่าเป็น “ปรากฏการณ์งี่เง่า” ที่ก่อกระแสขึ้นมาจากการขาดสติของผู้คนสองประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการชี้นำความคิดของคนทั่วไป

“การท้าทายที่จะเปิดสงครามไทย-กัมพูชา” ที่ถึงวันนี้เป็นได้แค่เรื่องเลอะเทอะที่ค้างในอารมณ์ของกลุ่มคนที่เสียสติไป

ไม่ว่าใครที่มีสติสักหน่อยย่อมนึกไม่ออกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้นำประเทศที่ผ่านความรู้ความคิดในเรื่องการค้าการลงทุนที่กระทั่งก้าวผ่านยุคสมัย “โลกาภิวัตน์” โลกไร้พรมแดน จนมาถึงยุคสมัยที่เชื้อชาติต่างหลอมรวมกันใหม่ด้วยเงื่อนไขของพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่กระจายผู้คนกลมกลืนมาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างข้ามสัญชาติ จะประกาศทำสงครามด้วยเพราะเขตแดนที่อยู่ระหว่างการตกลงกัน และมีเครื่องมือมากมากมายที่จะใช้พูดคุยกัน

แต่กลับประหลาดอย่างยิ่ง กลายเป็นกลุ่มผู้มีความรู้ และสมควรจะมีความคิดของ 2 ประเทศคือ “ไทย” และ “เขมร” กลับชักนำให้เกิดการปลุกระดมจนเกิดกระแสความคิดจะต้องใช้อาวุธไปรบราฆ่าฟันกัน

ซึ่งแม้ที่สุดจะออกมาจากอารมณ์งี่เง่าอย่างนั้นได้ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เป็นสภาวะที่ชวนให้ต้องไตร่ตรองว่าเกิดอะไรขึ้น

เรื่องนี้หากไล่เรียงให้ดีๆ จะพบว่าเริ่มจาก “ความไร้ศรัทธาต่อผู้นำ”

ความไม่เชื่อว่า “ผู้นำประเทศ” จะพาประเทศไปสู่ความถูกต้องดีงาม เปิดช่องให้ผู้หวังผลฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายตรงกันข้าม อาศัยเป็นเครื่องมือสร้างความหวาดระแวงขึ้นมา โดยทำให้เห็นว่า “อำนาจที่ถูกครอบครองอยู่ไม่เอื้อให้ใช้ปัญญาในการจัดการปัญหา” ทำให้สัญชาตญาณการใช้กำลังถูกกระตุ้นให้แสดงออก

ทั้งประชาชน “กัมพูชา” และ “ไทย”

แต่ที่ “ไทย” ดูจะแรงกว่าเพราะ “สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง” อยู่ในจังหวะร้อนแรงกว่า การแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์เป็นไปอย่างเข้มข้นกว่า

ขณะที่แทบจะชัดเจนว่า “ผู้นำประเทศ” ดำรงสถานะ “ผู้ได้รับความศรัทธา และเชื่อมั่นจากฝ่ายต่างๆ ไม่ได้”

แม้จะไม่ใช่คำตอบที่ชัดนัก แต่ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” ล่าสุด เรื่อง “กล้าไหม ยึดมหาดไทยและเกษตร และกรณีปมชั้น 14”

อารมณ์ในการตอบของประชาชนสะท้อนถึงการขาดศรัทธาความกล้าหาญในการใช้อำนาจของ “ผู้นำประเทศ” ชัดเจน

ในคำถามถึงการส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จากกรณีปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 29.62 ระบุว่า จะส่งผล, ร้อยละ 29.31 เห็นว่า ค่อนข้างส่งผล, ร้อยละ 24.58 ระบุว่า ไม่ส่งผลใด ๆ เลย, ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล, ร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

อารมณ์ในภาพรวมของผลโพลว่า ความเชื่อ หรือศรัทธาของประชาชนต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ เหลือน้อยอย่างยิ่ง

จนชวนให้เกิดคำถามว่า ความไม่เหลือศรัทธาเช่นนี้ จะส่งผลอย่างไรต่อความหวังของประชาชนที่มีต่อประเทศ



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

‘สีกากอล์ฟ’ กับ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’
แพทองธาร พร้อมผลักดันสื่อสารภาพลักษณ์พุทธศาสนาให้ทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ลอย ชูโมเดล การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยุทธวิธีของ ปธน. Javier Milei ที่ไทยควรเรียนรู้
ICSI
ICSI คืออะไร สามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ไหม?
เจ้าอาวาสกับอำนาจเหนือพื้นที่วัด : โครงสร้างที่ต้องสังคายนาใหม่ (1)
วัคซีนเรืองแสงสุดโรแมนติก แพร่ผ่านการกุ๊กกิ๊กกันและกัน
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (13) เมื่อสำนักพระราชวังตักเตือน “เจ้าชาย-เจ้าหญิง” ให้แต่งกายตามรัฐนิยม
ดาวกับดวงวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568
พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)