เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

Retro เพลงปลุกใจ ‘เราถอย ไปไม่ได้อีกแล้ว’

20.06.2025

บทความในประเทศ

Retro เพลงปลุกใจ

‘เราถอย

ไปไม่ได้อีกแล้ว’

สัปดาห์นี้ สถานการณ์การยิงขีปนาวุธตอบโต้ “ถล่มกันไปมา” ระหว่างอิสราเอล กับอิหร่าน น่าห่วงอย่างยิ่ง

จนถึงวันนี้ยังไม่มีวี่แววจะหยุด “ราคาพลังงานพุ่งสูง” ยิ่งซ้ำเติมสภาพเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่อยู่แล้วในปัจจุบันให้ “สาหัส” เข้าไปอีก

น่าห่วงไม่แพ้สมรภูมิตะวันออกกลางก็คือ “ประเทศไทย” เรานี่เอง

จากปัญหาการเมืองรุมล้อมรัฐบาล ยิ่งนานวัน ความไร้เสถียรภาพยิ่งปรากฏชัด

การต่อสู้ทางการเมืองของ “ค่ายสีแดง” และ “ค่ายสีน้ำเงิน” ดำเนินมาถึงจุดแตกหัก ประกาศแยกทางกันในทางการเมือง เป็นอันสิ้นสุดทางรัก “ปฏิญญาช็อกมินต์”

แต่ศึกในว่าวุ่นวายแล้ว รัฐบาลเพื่อไทยยังเจอศึกนอก “สาหัส” ไม่แพ้กัน

เมื่อสมเด็จฮุน เซน ผู้มีบารมีตัวจริงในการเมืองกัมพูชา เล่นเกมการเมืองชาตินิยมใส่รัฐบาลเพื่อไทย ปลุกกระแสถูกประเทศไทยรุกราน ไปพื้นที่พิพาทฟ้องศาลโลก

ความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทย คืบหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามเกมการเมืองของกัมพูชา ที่ตั้งใจจะยกปัญหาความขัดแย้งกับไทยให้เป็นการเมืองระดับชาติของกัมพูชา

2 พ่อลูกตระกูลฮุน ยกระดับความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการแสดงสัญลักษณ์ฝั่งไทย ลามไปสู่การสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าริมชายแดน

เมื่อเกิดเหตุปะทะก็ “เข้าทาง” 2 พ่อลูก “ตระกูลฮุน” เดินเกมเร็วยื่นเรื่องเข้าศาลโลก พ่วงขอเอา 3 ปราสาทริมชายแดนและ 1 พื้นที่พิพาทให้ศาลโลกตัดสินโดยอ้างอิงข้อมูลและแผนที่ฉบับอาณานิคมที่เคยเอาชนะไทยมาได้ครั้งก่อน

การรุกคืบต่อไทยของกัมพูชา ใช้วิธีทางกฎหมายนำ ตามด้วยใช้วิธีทางการเมือง-การสื่อสารระหว่างประเทศกดดันไทย ผู้นำฝั่งกัมพูชาปล่อยประเด็นทางการเมืองออกมาท้าทายรัฐบาลไทยต่อเนื่อง

รอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา 2 พ่อลูกตระกูลฮุน กลายเป็นผู้กำหนดเกมการต่างประเทศ เดินเกมตามโครงเรื่องชาตินิยม เล่นบทเหยื่อ หาความชอบธรรมทางการเมืองกับประชาชนในประเทศ ปลุกคนกัมพูชามองไทยเป็นศัตรู

โดย “ความนิ่งเฉย” ไม่ทันการณ์ของฝ่ายบริหารฝั่งไทย ด้านหนึ่งก็ทำให้ฝ่ายชาตินิยมของไทยปลุกคนไทย เกลียดกัมพูชาด้วยเหมือนกัน

ขณะที่รัฐบาลไทยแทบจะทำได้เพียง “ตั้งรับ” คนมองตามเกมการต่างประเทศของกัมพูชาไม่ทัน ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่านายกฯ จะออกแสดงการตอบโต้ต่อการ “รุก” ในทางการเมือง ส่วนฝั่งทหารยิ่งทำอะไรไม่ได้มากนอกจากการเคลื่อนพล-โชว์กำลัง

ดังนั้น การยกระดับทางการทหารราวกับพร้อมจะปะทะกันตลอดเวลาของฝั่งกัมพูชา, การเล่นกับกระแสชาตินิยมปลุกให้คนกัมพูชาต่อต้านไทย, การเดินหน้าฟ้องร้องศาลโลก, การลดความชอบธรรมสร้างให้ไทยเป็นผู้รุกรานในเวทีโลก, การจัดชุมนุมครั้งใหญ่ของคนกัมพูชาต่อต้านไทย

นี่คือการรุกคืบ “ทางการเมือง” ของกัมพูชา ต่อไทย สร้างความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศอย่างยิ่ง สร้างความข้องใจต่อคนไทยไม่น้อย

มากกว่านั้น กรณีการปล่อยคลิปสนทนากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ของสมเด็จฮุน เซน ถือว่าเป็นการหักหน้าและประกาศแตกหักกับรัฐบาลเพื่อไทยเลยทีเดียว ทั้งที่เป็นที่รับรู้ว่า 2 ตระกูลนี้สนิทกัน

ในคลิปแสดงให้เห็นประโยคที่ผู้นำไทยเสนอเงื่อนไขทุกอย่างให้กัมพูชา, ทั้งยังเรียกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ผลจากคลิปนั้นทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา-ลาออก ดังกระหึ่ม

จัดได้ว่าวันนี้ความสัมพันธ์ฮุน เซน กับนายทักษิณ ชินวัตร เดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

นั่นเท่ากับว่าจากนี้ต่อไป ฮุน เซน “ถอยไม่ได้ และไม่ยอมถอยอีกแล้ว” เดินหน้าชนรัฐบาลเพื่อไทยในทุกรูปแบบอย่างเต็มกำลัง

อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ จุดปลี่ยนการเมืองไทยสัปดาห์นี้คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

ราวกับจะรู้ก่อนหน้าว่า “ตระกูลฮุน เซน” จะปล่อยคลิป แตกหัก “ตระกูลชินวัตร” เพราะในเวลาเดียวกันจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ ค่ายสีแดง-สีน้ำเงิน ก็มาถึง เกิดปรากฏการณ์ “มันจบแล้วครับนาย ep2”

แม้ก่อนหน้านี้นายอนุทินจะบอกรักนายกฯ แทบจะ 3 เวลาหลังอาหาร พยายามไม่พูดถึงความขัดแย้ง แต่ความชัดเจนออกมาจากปาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันจุดยืน วันนี้เพื่อไทยถอยให้กับภูมิใจไทยไม่ได้ ต้องเอากระทรวงมหาดไทยคืน

ขณะที่ช่วงแรก นายอนุทินก็พยายามเลี่ยงไม่พูดถึง แต่เมื่อถูกไล่ต้อนให้สถานะทางการเมืองจ่อจะตกปากเหว สัปดาห์นี้ก็ถึงเวลาประกาศจุดยืน “ถอยไม่ได้แล้ว” พร้อมหักเพื่อไทย ไปเป็นฝ่ายค้าน

เพราะขั้วสีน้ำเงินโดนรุกคืบจากค่ายสีแดง กรณีฮั้ว ส.ว. จนสัปดาห์นี้ขุนพลคนสำคัญทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ต่างก็โดน กกต.ออกหมายเรียกกันหมด

นายอนุทินถึงกับบ่น “ต้องเล่นกันแรงขนาดนี้เชียวหรือ”

เมื่อเพื่อไทยทิ้งไพ่ขอเอากระทรวงมหาดไทยกล่องดวงใจค่ายสีน้ำเงินคืน คราวนี้นายอนุทิน “ถอยไม่ได้อีกแล้ว” เช่นกัน จึงประกาศจุดยืนพร้อมแตกหักทันทีว่า “ขออยู่ที่เดิม” หากไม่ให้อยู่ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน

พร้อมๆ กันนั้น นายอนุทินและนายเนวินก็โชว์ภาพนั่งกินข้าวกับ ส.ส.กลุ่มของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เพื่อให้เพื่อไทย “หวั่นไหว”

แม้จะพยายามต่อรองขอแลกเปลี่ยนกระทรวงกลับไปนั่งสาธารณสุข พร้อมแถม รมต.สำนักนายกฯ อีก 1 เก้าอี้ แต่รอบนี้นายอนุทินไม่เอา ประกาศ “ไม่ต้องเดดไลน์กับผม” ขอเก็บของออกจากกระทรวงทันที

วิเคราะห์กันว่าทำไมรอบนี้ค่ายสีน้ำเงินกล้าหักดิบ ผิดกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ผู้นำค่ายสีแดงทิ้งไพ่ตายเพราะคิดว่าถึงอย่างไร ภูมิใจไทยก็ไม่ยอมอดอยากปากแห้งเป็นฝ่ายค้าน?

ต้องไม่ลืมว่าภูมิใจไทยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดอะไร ค่ายสีน้ำเงินทำตามข้อตกลงตั้งรัฐบาลทุกอย่าง ขณะเพื่อไทยต่างหากที่ไม่ทำตามข้อตกลง

นอกจากนี้ การยอมมอบกระทรวงมหาดไทยกลับให้เพื่อไทย จะเป็นการปลดล็อก-เพิ่มความแข็งแรงทางการเมืองให้เพื่อไทยในศึกการเลือกตั้งครั้งหน้า มินับว่าภูมิใจไทยจะถูกรุกฆาต-ทำให้อ่อนแอทางการเมืองจากการที่เพื่อไทยมีกระทรวงมหาดไทยในมืออีก

การเล่นงานสีน้ำเงินจากค่ายสีแดง ที่เกิดขึ้นอยู่จะยิ่งดุเดือด รุนแรง รวดเร็วขึ้น

ความรู้สึก “ถอยหลังไม่ได้” จึงผลักให้ค่ายสีน้ำเงินต้อง “เดินหน้าชน” การออกมาเป็นฝ่ายค้าน แม้จะ “อดอยากปากแห้ง” แต่อย่างน้อยก็ “เกิดความเสียหายทางการเมือง” น้อยที่สุด ยังคงรักษาต้นทุนทางการเมืองที่มีไว้ได้เพื่อรอเลือกตั้งครั้งหน้า

ด้านฝั่งรัฐบาลคือ น.ส.แพทองธาร วันนี้ก็ถอยไม่ได้

เพื่อไทยถูกค่ายสีน้ำเงินขัดขวางทางการเมือง-เศรษฐกิจมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา 2 ปีหลังจากนี้ หากยังเป็นสถานะเดิมอยู่ ค่ายสีแดงมองเห็นแล้ว เลือกตั้งครั้งหน้าพังพินาศแน่

การดึงมหาดไทยคืนก็เพื่อการสร้างผลงานก่อนหมดอายุรัฐบาล ปลดล็อกนโยบายการเมือง-เศรษฐกิจ

ในทางการเมือง การเขี่ยค่ายสีน้ำเงินทิ้งยังเป็นการรักษา “การนำ” ใน “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ของเพื่อไทย เพื่อให้เห็นว่ามีเพียงเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีน้ำหนักเพียงพอในการต่อสู้กับ “ค่ายสีส้ม” ศัตรูที่แท้จริงของฝ่ายขวาไทย

แน่นอนว่าเพื่อไทยก็รู้ว่าหากไม่มีค่ายสีน้ำเงิน รัฐบาลเพื่อไทยก็เสียงปริ่มน้ำ แต่สถานภาพของเพื่อไทยเองวันนี้ก็บีบให้ค่ายสีแดงไม่มีทางเลือกมาก จำเป็นต้องเลือก “หนทางที่เสียหายน้อยที่สุด” เพื่อให้พรรคยังมีหนทางสร้างผลงาน รักษาอำนาจทางการเมืองไว้ได้นานที่สุดเพื่อรอเลือกตั้งปี 2570

การเมืองของ 3 บุคคลสำคัญ คือ แพทองธาร-อนุทิน-สมเด็จฮุน เซน วันนี้ขับเคลื่อนมาถึงจุดที่เรียกว่า “ต่างฝ่ายต่างถอยให้กันไม่ได้อีกแล้ว”

สถานการณ์รุมล้อมรัฐบาลตอนนี้ เลยพาย้อนยุคหรือ Retro ไปถึงเพลงปลุกใจที่เคยถูกเปิดสนั่นน่าปัดวิทยุในยุคปลุกระดมต้านภัยศัตรูคือคอมมิวนิสต์ ที่ทำให้หลายคนนึกถึงท่อนหนึ่งในเพลง “สุดแผ่นดิน” “เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว”

แต่ละฝ่ายต่าง “ผลักดันเพดานการเมือง” ของตัวเอง ในระดับที่ถอยหลัให้กันและกันไม่ได้อีกต่อไป ความไว้วางใจต่อกันหมดสิ้นลงแล้ว

เมื่อถอยหลังไม่ได้ ก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อ แม้การเดินหน้าแบบที่เป็นอยู่นี้ ไม่ช้าก็เร็ว สุ่มเสี่ยงจะเดินไปตกเหวอย่างยิ่ง

และพลอยทำให้ “การเมืองไทย” วันนี้อยู่ในสภาวะถอยหลังไม่ได้เช่นกัน ต้องลุยเดินหน้าอย่างเดียว ซึ่งก็เสี่ยงตกเหวเช่นกัน

ดูแล้วใกล้ถึงทางตันเต็มที



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

หวยออกที่อิ๊งค์
ช็อก! ทรัมป์เล่นแรงเก็บภาษีไทย 36% ชี้ผลเสียหายมากกว่าตัวเลข “ส่งออก” “พิชัย” แบกภารกิจชาติ “สู้ต่อ-สู้ไม่ถอย”
‘เศรษฐกิจไทย’ ตกหลุมอากาศ เจอ Perfect Storm 3 ลูกซัด การเมือง-ภาษีทรัมป์-ท่องเที่ยวทรุด
พรรคน้ำเงินกับพลังตัวซีเคร็ต
จริงหรือที่ว่าเด็กรุ่นใหม่
การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกญี่ปุ่น (参院選挙) ปี 2025
‘ไม่มีประชาธิปไตยในความรัก’ : รำลึกถึงกูกิ วา ทิอองโก (Ngũgĩ wa Thiong’o)
ผมจะทำอะไรกับประกันสังคม หากมีอำนาจเป็นรัฐบาลสักสามเดือน
MatiTalk ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เคยสิ้นหวัง ไม่ต้องห่วงเพื่อไทยจะพัง อำนาจรัฐที่มาจากประชาชนต้องมาก่อน
เปิดประตูสู่ซีอานกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ดาวกับดวงวันอังคารที่ 15 กรกฎาคม 2568
‘ฮุน มาเนต’ เล็งเดินหน้าใช้กฎหมาย ‘บังคับเกณฑ์ทหาร’ เริ่มปี 2026 ชี้เพื่อเสริมสร้างกำลังทหารของประเทศ เพิ่มระยะเวลาการฝึกภาคบังคับ เป็น 24 เดือน