

บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (125)
ปิดสำนวนคดีดัง
เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น 2 ปีซ้อน
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2536
ผมได้เตรียมการนำตัวนายสนิท พัทเต มือปืนไปทำแผนประทุษกรรมนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ จัดเตรียมของกลาง กล้องถ่ายรูป และแจ้งให้ พ.ต.ท.สมชาย อุทัยแสง, พ.ต.ท.สุชาติ นิรมัย รอง ผกก.ภ.จว.สตูล ทราบ
ประชาชนมามุงดูกันเป็นจำนวนมาก ผมได้เริ่มต้นตั้งแต่สมาคมจงหัว เรื่อยไปผ่านร้านข้าวต้ม ศาลจังหวัดสตูล สี่แยกคอกเป็ด หมู่บ้านพรเพชร หัวทาง ไปตำมะลัง แล้วกลับโรงพัก
จัดทำบันทึกแล้วลง ป.จ.ว. และตอนบ่ายนำรูปการนำชี้มาติดสำนวนการสอบสวน
ผมทำงานเรื่อยไปจน 4 ทุ่มเศษๆ เกิดคดีขึ้นมาอีกมีการยิงกันตายที่ทางเข้าวัดป่าช้าจีน ไปดูศพ แล้วกลับมาติดตามตัวคนร้าย พูดคุยกับพยานจนดึกดื่นตี 2 คืนนี้ผมง่วงนอนมาก เพราะเพลียจากการทำงานทั้งวัน
วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2536
ไปที่ศาลจังหวัดสตูล เพื่อฝากขัง ร.ต.อ.ปรเมศวร์เป็นครั้งที่ 2 แล้วกลับมาโรงพัก สอบถามพวกที่เห็นเหตุการณ์คดีเมื่อคืนนี้ แล้วไปตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่ 1 ปลอก แล้วพักเที่ยงไปกินข้าว ปรากฏว่าเกิดคดียิงกันอีกที่บริเวณคลองจระเข้ไข่ ทางไปตำมะลัง ผมจึงแวะไปดูอาการคนเจ็บ แล้วเริ่มจับกุมคนที่ต้องสงสัย
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2536
ตอนเช้ารีบไปโรงพัก อ่านคำให้การให้นายสนิท พัทเต ฟัง เมื่ออ่านจบจึงให้ลงชื่อ จากนั้นไปพบ พ.ต.ท.สติ สารวัตรใหญ่ ซึ่งได้สอบถามคดีที่เกิดขึ้นใหม่ ก่อนผมจะรีบไปศาลเพื่อเป็นพยานศาลในคดีปล้นฆ่า มีสุชาติ หรือเขียว เอียดสุดรักษ์ เป็นจำเลย
เสร็จแล้วตอนบ่ายได้แวะร้านศรีสะอาด ให้มารดาผู้ตายเซ็นชื่อ
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2536
ตอนเช้ารีบไปโรงพัก เพราะวันนี้ต้องไปเป็นพยานศาลในคดีฆ่าที่เจ๊ะบิลัง ที่มีนายสุรัตน์ ดำดัด กับนายขรรค์ชัย แก้วทะนง เป็นจำเลย
กลับจากศาล ผมไปพบนายสุรชัย อุดมวงศ์ อัยการจังหวัดสตูล เพื่อดูสำนวนคดีของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ และนางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา
แต่ดูท่าทีแล้ว ผมมีความรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ
วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2536
ยังมีคดีต่างๆ มากมายที่ผมต้องดูแลรับผิดชอบ โดยเฉพาะมีคดีปล้น คดีชิงทรัพย์
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2536
เวลา 09.00 น. ไปรับพยานที่ร้านศรีสะอาด ชื่อ น.ส.จรัสศรี หรือลิก ยาหยาหมัน พาไป ต.สาคร กิ่ง อ.ท่าแพ จ.สตูล เพื่อไปพบพยาน เดินทางไปไกลถึง 1 ชั่วโมง จึงได้สอบปากคำ น.ส.มาลีย๊ะ หรือแดง เส็มสัน กับ น.ส.ปัสนา หรือหนา น่าฮู แล้วรีบกลับมาสอบพยานที่อยู่ที่หน้าสมาคมจงหัว และพิมพ์หมายจับในคดีอื่นๆ อีก
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2536
ผมไปทำงานตรวจทานสำนวนการสอบสวนเกือบทั้งวัน
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2536
พ.ต.อ.ไพโรจน์ ธนิกกุล รอง ผบก.ภ.12 มาประชุมอนุ ก.ตร.จังหวัด แล้วมาขอดูสำนวนการสอบสวนคดีฆ่าโกซือ ซึ่งผมได้ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร
ตอนบ่ายไปรับตัวนายยาสมาน ลิเก ออกจากโรงพยาบาลสตูล เพื่อไปชี้ห้องพักที่โรงแรมมายเฮ้าส์ พร้อมด้วยนายสุริยา หรือเล๊าะ สุภาวีระ แล้วขออนุญาตนำตัวจากโรงพยาบาลสตูล มาสอบสวนบันทึกปากคำ
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน 2536
ผมได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อติดตามผลการตรวจพิสูจน์ของกลางในคดีฆ่าเจ้าของร้านศรีสะอาด โดยเฉพาะผลการตรวจอาวุธปืนและการตรวจพิสูจน์ลายมือของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ ที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ
และได้รับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนเรียบร้อย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยืนยันผลการตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนปืนที่ได้จากศพและที่เกิดเหตุ ยิงมาจากปืนของกลาง แต่การตรวจพิสูจน์ลายมือไม่เสร็จ
ผมไปสอบพยานที่หมู่บ้านจตุมิตร สอบ น.ส.สมใจ แสนทวีสุข และตรวจค้นเอกสาร และโทรศัพท์ถามหาสารวัตร พ.ต.ท.ประจวบ ควรขจร เรื่องผลการตรวจลายมือของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ โดยสารวัตรต้องการตัวอย่างลายมือเพิ่มเติม ผมจึงโทรศัพท์แจ้งให้ พ.ต.ท.สติ สวญ. ให้ช่วยดำเนินการ
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2536
ผมเป็นพยานศาลคดีฝิ่น ที่จับได้ที่ ต.ตำมะลัง
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2536
เป็นพยานศาลอีกวันเป็นคดีที่ นช.ยิ่งยศ หรือดลล๊ะ แซ่ลิ้ม ฆ่า นช.ด้วยกันตายในเรือนจำจังหวัดสตูล
วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2536
ไปรับคณะ พ.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง สวญ.สภ.อ.หาดใหญ่ เดินทางไปเกาะลังกาวี ผมไปอำนวยความสะดวก ประสานเรื่องหนังสือการเดินทาง และซื้อซาลาเปาให้คณะ
ส่วนเรื่องที่เคยติดต่อให้ผมไปอยู่ที่ สภ.อ.หาดใหญ่ เงียบหายไปนานแล้ว และผมก็ไม่ติดใจที่จะไปอยู่
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2536
นายอารีย์ วงศ์อารยะ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาจังหวัดสตูล
ผมยังคงวิ่งออกกำลังกาย 20 รอบกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลเป็นปกติ ถ้ามีเวลา
วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2536
เดินทางไปสอบสวนพยานที่ อ.เบตง จ.นราธิวาส พร้อมกับ พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล พยานชื่อนางนวลลออ หรือเพ็กอี่ แก้วนุรัชดาสร เป็นพี่สาวอีกคนของนายบุญลือหรือโกซือ ผู้ตาย ประเด็นในการสอบสวน เพื่อยืนยันพฤติกรรมความสัมพันธ์ของนางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา และได้พบกับ พ.ต.ท.สมประสงค์ เพชรสุวรรณ สวญ.สภ.อ.เบตง, พ.ต.ต.โชติ ชัยชมภู สวป.สภ.อ.เบตง ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกอย่างดี
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2536
ผมพยายามจะทำสำนวนการสอบสวนคดีของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ให้เสร็จ แต่ผมป่วยเป็นไข้มาหลายวันแล้ว ยังไม่ยอมหายขาดสักที ทำให้สำนวนการสอบสวนต้องล่าช้าออกไป
วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2536
ผมยังคงทำสำนวนการสอบสวนอยู่ทั้งวัน และพยายามจะให้เสร็จ
วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2536
ผมนั่งทำสำนวนการสอบสวนทั้งวัน พยายามเร่งทั้งวันจวนเจียนและใกล้จะเสร็จเต็มที พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล เข้ามาถาม ในขณะนั้นผมกำลังพิมพ์บันทึกพนักงานสอบสวนอยู่ และประมาณ 5 ทุ่มกว่าก็กลับไปนอน
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2536
หลังจากใช้เวลาทำสำนวนการสอบสวนอยู่นาน 82 วัน ผมก็นำสำนวนการสอบสวนคดีฆ่า ที่มีนางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา, ร.ต.อ.ปรเมศวร์ สิทธิผล, จ.ส.ต.นิยม เจียนซี และนายสนิท พัทเต เป็นผู้ต้องหา ให้ พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล ตรวจพิจารณาและลงนาม แล้วนำไปเสนอให้ พ.ต.อ.อุดมวิทย์ เวชากุล ผกก.ภ.จว.สตูล เซ็นสั่งการต่อไป
และตอนบ่ายผมไปรับสำนวนกลับ แล้วรีบไปส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการจังหวัดสตูล รับไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และเจ้าหน้าที่ของอัยการจังหวัดสตูล ยังได้ชื่นชมผมว่า
สำนวนการสอบสวนคดีนี้ถือเป็นสำนวนที่ยอดเยี่ยมมากคดีหนึ่ง
เป็นระยะเวลานานนับเดือนและหนักหนาสำหรับผมที่ต้องทุ่มเทรับผิดชอบคดีที่แบกไว้ 2 บ่า ในขณะที่ต้องฝ่าเสียงของข่าวลือว่าจะมีการล้มคดี ที่สุดผมก็ทำสำนวนการสอบสวนเสร็จจนได้ เป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งที่เร่งจนเรียบร้อยก่อนจะถึงสิ้นปีนี้ ไม่ต้องค้างคาข้ามไปปีใหม่ ปลดภาระออกไปได้
คดีนี้เกิดขึ้นมาเพราะความเจ้าชู้ของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ สิทธิผล กับนางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา และมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งลักลอบเป็นชู้กันนอกใจสามีจนตัดสินใจวางแผนฆ่านายบุญลือ หรือโกซือ พูนพานิช สามีของนางวัชรินทร์ ด้วยการจ้างนายสนิท พัทเต เป็นมือปืนยิงจนสามีถึงแก่ความตาย
นางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา มีเงินจ้างมือปืน
ร.ต.อ.ปรเมศวร์ ใช้ประโยชน์ความสัมพันธ์ของตัวเองกับลูกน้อง แต่ต้องมาสิ้นท่าเพราะกระดุมด้ามปืน เพียง 1 เม็ด ตกในที่เกิดเหตุ
วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2536
ผมได้รับข่าวดีเมื่อ พล.ต.ต.ชำนาญ สุวรรณรักษ์ ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานวิทยาการแล้ว และได้ขอแสดงความยินดีกับท่าน
ในรอบปี พ.ศ.2536
เมื่อสิ้นสุดของปี มีคดีอาญาที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม 807 คดี เป็นคดีอุกฉกรรจ์ 13 คดี คดีเปรียบเทียบปรับ 7,923 คดี รวมเงินที่เปรียบเทียบปรับ 916,911 บาท และส่งให้เป็นรายได้ของแผ่นดิน
ในปีนี้กรมตำรวจยังได้คัดเลือกผมให้เป็นผู้ได้รับโล่และประกาศเกียรติคุณ เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น ระดับสารวัตร ของกรมตำรวจ ประจำปี พ.ศ.2536 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022