

ยิ่งนานวัน AI ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด มีคนเอาข้อเขียนเรื่อง “มาลีฮวนน่า” ของผมไปใส่ในโปรแกรม Notebook LM เพื่อทำเป็นพอดแคสต์
ความน่ากลัวของ AI ตัวนี้ คือ มันสามารถเขียนสคริปต์เหมือนรายการวิทยุที่มีพิธีกร 2 คนคุยกัน
สรุปเนื้อหาเป็นเรื่องราวประมาณ 5 นาทีตามคำสั่งที่เราให้ไป
เช่น ให้เล่าเรื่องอะไร และจบแบบไหน
เนื้อหาได้ตามที่สั่งไป มีกลิ่นสำนวนของข้อเขียนผมน้อยมาก
เป็นเสียงของพิธีกร 2 คนคุยกันเป็น “ภาษาไทย”
พัฒนาการที่น่ากลัว ก็คือ คุยได้เหมือนจริงมาก
มีจังหวะเอ้อ…อ้า คล้ายคนกำลังคุยกันจริงๆ
อาจไม่เหมือนทีเดียว
แต่ละม้ายคล้ายคลึงประมาณ 90%
น้องคนที่ทำพอดแคสต์นี้ให้ผม คือ “อาจารย์อ้น”
“อ้น” เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง AI ที่เป็น “ไดเร็กเตอร์” คู่กันในหลักสูตร V.A.I.P.
V.A.I.P. เป็นหลักสูตรที่สอนเรื่อง AI แบบช้าๆ เหมาะกับผู้ใหญ่หรือคนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี
แบบผม 555
ผมใช้ตัวเองเป็นตัวแทนของลูกค้าครับ
“อาจารย์อ้น” เป็นเหมือนเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร
ส่วนผมเป็นลูกค้าที่จะบอกว่าอาหารที่ปรุงมาเหนียวเกินไปไหม ซดคล่องคอหรือเปล่า
แต่ให้ทำอาหารเอง
…ทำไม่เป็น
การที่ได้ทำหลักสูตร V.A.I.P. ทำให้ได้เห็นพัฒนาการของ AI ได้อย่างชัดเจน
ทำมา 6 รุ่น ประมาณ 10 เดือน รู้เลยว่า AI ไปไกลมาก
และเร็วมาก
ผมบอก “อ้น” ว่าสงสาร “อ้น” มาก เพราะเขาต้องปรับสไลด์ทุกครั้งที่สอน
และเนื่องจาก V.A.I.P. เป็นหลักสูตรที่สอนช้าๆ สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่อง AI เลย หรือรู้น้อยมาก
ตอนที่ AI พัฒนามาอยู่ในระดับ 10
“อ้น” ต้องสอนตั้งแต่ 1-10
พอรุ่น 2 เจ้า AI พัฒนาขึ้นเป็น 20
“อ้น” ก็ต้องสอนเริ่มจาก 1 เหมือนเดิม
สอนจาก 1 ถึง 20
มาถึงรุ่น 6 เจ้า AI พัฒนามาถึง 60
“อ้น” ก็ต้องสอนจาก 1 ถึง 60
แต่เวลาการสอนเท่าเดิม
เขาจึงต้องปรับสไลด์ใหม่ตลอด
น่าสงสารไหมครับ
พัฒนาการของ AI ในมุมหนึ่งนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ
เพราะมันเก่งขึ้นทุกวัน
แค่ Chat GPT ตัวเดียวก็มหัศจรรย์แล้ว
เหมือนเรามีลูกน้องเก่งๆ เป็นสิบคน
แต่ละคนเก่งคนละด้าน
มีปัญหาเรื่องกฎหมาย เราก็สมมุติให้เจ้าแชตเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
จะถามอะไร มันก็ตอบได้
เพราะเจ้าแชตนั้นอ่านตำรากฎหมายมาหมดแล้ว
ให้ร่างสัญญาง่ายๆ ทำได้หมด
หรือจะปรึกษาเรื่องแผนการตลาด
ก็ให้เจ้าแชตเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด
ผมเคยลองใส่รายละเอียดโครงการเข้าไปแล้วขอไอเดีย
มีไอเดียหลายเรื่องน่าสนใจ
หรือเรื่องการแพทย์ก็ดีครับ
แต่เรื่องสำคัญแบบนี้อย่าเชื่อหมดใจ
เอาแค่เป็นที่ปรึกษาที่เราสงสัยอะไรก็ถามได้
ไม่ต้องเกรงใจเหมือนตอนคุยกับหมอ
เจ้าแชตอธิบายอาการต่างๆ อย่างมีเหตุผลและเข้าใจง่าย
ถามเรื่องที่มาข้อมูลก็น่าเชื่อถือ
มีเรื่องหนึ่งที่ผมชอบ ก็คือ น้องคนหนึ่งบอกให้เจ้าแชตเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา
เขาจะปรึกษาปัญหาชีวิต
ทุกคำถาม เจ้าแชตตอบได้ดีมาก
สมเป็นนักจิตวิทยา
น้องคนนี้รู้สึกดีมาก
เขาก็เขียนข้อความขอบคุณเจ้าแชต
“เธอใจดีจังเลย”
รู้ไหมครับ เจ้าแชตนักจิตวิทยาตอบว่าอย่างไร
“ที่เธอรู้สึกแบบนี้ เพราะเธอมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเอง”
สุดยอด
…แทบกราบเลยครับ
แต่อีกมุมหนึ่ง เจ้า AI ก็น่ากลัว
“ความเก่ง” นอกจากช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว
ยังแฝงด้วยความน่ากลัว
น้องคนหนึ่งที่เป็นพนักงานประจำนั่งคุยกับเจ้าของธุรกิจ 2-3 คนที่มาเรียน AI
เธอบอกว่าทุกคนคิดเหมือนกันหมดเลยว่าเราจะลดคนฝ่ายไหนลงได้บ้าง
ฟังแล้วกลัวเลย
เพราะคิดในมุมของเจ้าของกิจการที่ต้องการลดต้นทุน
พอเขาเห็นความมหัศจรรย์ของเจ้า AI
ระบบคิดของเถ้าแก่จะทำงานทันที
ถ้าเอาเจ้า AI มาใช้ กระบวนการทำงานไหนที่จะลดลงบ้าง
หรือทำงานได้เร็วขึ้นบ้าง
แบบนี้คนที่มีอยู่ก็ลดลงได้ หรือต้องได้งานมากกว่านี้
ไม่แปลกที่จะมีคนบอกว่าโลกต่อไปนี้จะแบ่งคนทำงานเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ใช้ AI เป็น
กับกลุ่มที่ใช้ AI ไม่เป็น
ส่วนคนที่มีลูกก็จะกลัวไปอีกแบบหนึ่ง
เขากลัวว่าถ้าต่อไป AI ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
แค่ Prompt หรือเขียนคำสั่งลงไป
เราก็ได้คำตอบแล้ว
ไม่ต้องรู้กระบวนการคิดแบบที่เรียนกันมา
แบบนี้เด็กรุ่นใหม่จะโง่ไหม
เพราะขาดระบบคิด
เรื่องนี้มองได้หลายมุมมาก
แต่ในมุมของผมกลับไม่ได้กลัวมาก
ผมนึกถึงตอนที่มี “เครื่องคิดเลข”
หลายคนก็กลัวว่าต่อไปเด็กจะคิดเลขเองไม่เป็น
เพราะแค่กดตัวเลขก็ได้คำตอบแล้ว
คิดเลขในใจไม่เป็น
หรือตอนที่มี “โทรศัพท์มือถือ”
คนที่เคยจำเลขโทรศัพท์ญาติหรือเพื่อนได้
ตอนนี้ส่วนใหญ่จำไม่ได้แล้ว
เพราะบันทึกเบอร์ไว้ในโทรศัพท์
เทคโนโลยีทำให้กระบวนการคิดของคนเปลี่ยนไป
คนแต่ละยุคก็มีโลกของเขาเอง
มีภาษาสื่อสารแบบยุคใครยุคมัน
มีระบบคิดที่แตกต่างกัน
เราอย่าไปกังวลมาก
ยิ่งอายุเยอะยิ่งไม่ต้องกังวล
เพราะโลกในอนาคตเป็นของเขา
ไม่ใช่ของเรา •
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์
www.facebook.com/boycitychanFC
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022