เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ตำรวจสอบสวน ต้นธารยุติธรรม หรือจะถึงวันล่มสลาย

26.05.2025

เหยี่ยวถลาลม

 

ตำรวจสอบสวน

ต้นธารยุติธรรม

หรือจะถึงวันล่มสลาย

 

ได้ยินเสียงฮึ่มๆ “อัยการ” จะยึดเอางานสอบสวนไปจาก “ตำรวจ” อีกแล้ว

สายลมที่พัดมาเกิดจาก “เหตุปัจจัย” ไฟจะจุดติดต้องมีเชื้อ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนกระแสเดียวกันนี้เคยผุดขึ้นมาระยะหนึ่ง

“งานสอบสวน” เป็นจุดอ่อนขององค์กรตำรวจ

เกือบ “ครึ่งศตวรรษ” งานสอบสวนตำรวจตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม ผุพังจนถึงขั้นที่ “ไม่แน่ใจว่า ซ่อมได้หรือไม่”

เวลานี้ มี ส.ส.จากพรรคประชาชน เสนอยกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ให้อัยการเป็น “หัวหน้า” ของตำรวจที่ทำสำนวนสอบสวน

ให้อัยการกำกับดูแลการทำสำนวนสอบสวนของตำรวจให้เรียบร้อย

ให้อัยการ “มีอำนาจ” ให้ความเห็นชอบในการ “ออกหมายเรียก”

ให้อัยการ “มีอำนาจ” ให้ความเห็นชอบในการไปยื่นคำร้องศาลเพื่อออก “หมายจับ”

ให้อัยการ “มีอำนาจ” ตรวจสอบ กำกับงานสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีสำคัญ

ให้อัยการ “มีอำนาจ” ทำความเห็นแย้ง ย้อนกลับไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัด “แทนความเห็นแย้งของตำรวจ”

 

ทั้งหมดนั้นฉาย “ภาพ” ให้เห็นว่า งานสอบสวนของตำรวจหมดท่าแล้ว!

แม้แต่ “การใช้ดุลพินิจ” ในการออกหมายเรียกผู้หนึ่งผู้ใด ยังต้องอาศัย “อัยการ”

ตำรวจไม่มีราคาถึงขั้นที่แม้แต่จะยื่นคำร้องให้ศาลออกหมายจับผู้หนึ่งผู้ใดก็ยังต้องให้อัยการ “เห็นชอบ”

ในระหว่างสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนยังต้องมี “อัยการ” คอยนั่งกำกับ ดูแล และตรวจสอบพยานหลักฐานทุกชนิดในคดีเพื่อให้รอบคอบรัดกุมตั้งแต่ “ต้น”

ชวนให้เกิดคำถาม ใช่หรือไม่ว่า ที่ผ่านมา “ผู้บังคับบัญชา” ของตำรวจปล่อยให้งานสอบสวนและพนักงานสอบสวนเคว้งคว้าง ทำงานกันไปตามยถากรรม จนเกิดผลเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม

เป็นคำถามที่ไม่มีใครอยากจะตอบ

 

แต่เมื่อมีประกายไฟจากการแก้ไขกฎหมายให้ “อัยการ” จะเข้าควบคุมการสอบสวนของตำรวจ บรรดานายตำรวจใหญ่ก็จัดเสวนาระดมความเห็นกันที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน นครปฐม เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในหัวข้อ “การคุ้มครองสิทธิประชาชน บนเส้นทางการสืบสวนสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา”

คำว่า “ประชาชน” ถูกนำมาใช้เป็นโล่อีกครั้ง!?

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.เป็นประธานเปิดงานเสวนา มีการเชิญทั้งผู้มีชื่อเสียง และผู้ที่ไม่ค่อยจะปรากฏชื่อเสียง (ถ้าไม่มีเรื่องให้ใช้งาน) มาร่วมวงสนทนา

เป้าหมายผู้จัดคือ ให้ช่วยกันส่งเสียง!

กล่าวตามจริง ตำรวจต้องการ “คงอำนาจ” สอบสวนไว้ในมือ ขณะที่งานสอบสวนเป็นภาระที่หนักอึ้งทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

เช่นที่กฎหมายบัญญัติว่า

“ให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อจะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำความผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิด”

ถามพนักงานสอบสวนแต่ละคนดูได้ว่า ไหวหรือ แค่ปริมาณงานที่รุมเร้าทับถมอยู่บนโต๊ะก็เอาตัวไม่รอดแล้ว ใครจะมีสติขยันไป “รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้”

คดีจำนวนหนึ่งจึงถูก “เป่า” เน้นหน่อยก็แค่ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ส่วนคดีที่สังคมสนใจ คดีที่นายสั่งจึงค่อยขัดสนิมจริงจังกันสักครั้งหนึ่ง

การเป็นพนักงานสอบสวนที่ดียังต้องเข้าใจถึง “หลัก” การบังคับใช้กฎหมายของศาลด้วยว่า ท่านจะไม่พิพากษาลงโทษใคร ถ้าไม่แน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง พนักงานสอบสวนจึงควรจะต้องตระหนักว่า อย่าทำแบบสุกเอาเผากิน

ไม่เพียงแต่เท่านั้น หาก “ศาล” เกิดความสงสัยว่า จำเลยกระทำผิดจริงหรือไม่ล่ะ ศาลจะยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้กับจำเลยทันที

 

ปรัชญาแห่งการบังคับใช้กฎหมายนี้มีบัญญัติไว้กฎหมาย “ป.วิอาญา”

ถ้าถามว่า “ความสงสัย” ทั้งหลายของศาลมาจากไหน

จะมาจากที่ไหนได้

การดำเนินคดีอาญาเริ่มที่ “มือตำรวจ”

ป.วิอาญา มาตรา 2(6) ให้ตำรวจเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจและหน้าที่สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการทั้งหลายเพื่อทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิด และเพื่อจะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ

กับ ป.วิอาญา มาตรา 2(5) ให้พนักงานอัยการ เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ “ฟ้อง” ผู้ต้องหาต่อศาล

สถิติฟ้องคดีของอัยการกับที่ถูกศาลยกฟ้องแค่ไหนไม่รู้ แต่ “งานสอบสวน” ของตำรวจมากด้วยปัญหารุมเร้า งานเยอะคนน้อย โรงพักขาดแคลนบุคลากร แต่พอบรรจุแต่งตั้งได้ตามอัตราก็พากันวิ่งหนีตีจากหลบไปซุกอยู่ใต้ปีกนาย พนักงานสอบสวนทั้งระบบเหนื่อยหน่าย ป่วย เครียด ถอดใจ องค์กรไม่ส่งเสริมพัฒนา ไม่สร้างแรงจูงใจ

“สอบสวน” เป็นสายงานตำรวจที่ไม่เจริญก้าวหน้า

 

ในวันใกล้โลกแตก ถึงจะจัดเสวนากันไปก็เท่านั้น!

สายงานตำรวจสอบสวนเต็มไปด้วยนักเดินทางที่ใจคอห่อเหี่ยว ขวัญระส่ำ ไม่ใช่คนสำคัญ ไม่ได้รับการเชิดชูหรือปูนบำเหน็จ ใช้ชีวิตอยู่ในองค์กรที่อับเฉาและวังเวง

ไม่เคยมี “นาย” ที่ส่งเสริม สนับสนุน ช่วยแก้ไขปัญหาด้วยความตระหนักว่า งานสอบสวนเป็น “ภารกิจที่สำคัญ” เป็นงานที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา

มีมากคนและมีมากนาย ที่เอาแต่ประโยชน์และเอาตัวรอดไปวันๆ

งานสอบสวนของตำรวจถูก “ปล่อยเกาะ” หรือ “ลอยแพ” จนพนักงานสอบสวนถอดใจ ลาออก ขอย้าย ป่วยไข้ ที่ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มากมี

ยอมรับเถอะว่า เกือบครึ่งศตวรรษมานี้ ตำรวจไม่มี “ตัวแบบ” มือสอบสวนเนียนๆ และแน่นอน อย่าง พล.ต.อ.ประยูร โกมารกุล ณ นคร ให้เห็นเลย ( อดีตรอง ผบช.น. และอดีตกรมวังผู้ใหญ่)

 

การปะทุที่ปรากฏขึ้นในวันนี้เป็น “ผล” จากระบบตำรวจที่กระทำสั่งสมกันมาเกือบครึ่งศตวรรษ

น่าจะเข้าท่ากว่า ถ้า “ยกร่างการแก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ อาญา” คราวนี้ “รื้อโครงสร้าง” พร้อมกับจัดการกับ “อำนาจหน้าที่สอบสวน” เสียใหม่

แทนที่จะให้อัยการเป็น “นาย” และพนักงานสอบสวนตำรวจเป็น “ลูกน้อง” หรือผู้ช่วย ก็เปลี่ยนเป็น แก้ไข ป.วิอาญา ให้ “งานสอบสวน” เป็นอำนาจหน้าที่ของ “องค์กรอัยการ”

ย้ายตำรวจสายสอบสวนทั้งหมดที่สมัครใจไปเป็น “พนักงานอัยการ” หรือ “อัยการผู้ช่วย” แล้วแต่จะเรียก

ให้รับเงินเดือนตามมาตรฐานองค์กรอัยการ

พนักงานสอบสวนจะเป็น “คนสำคัญ” เลิกโหยหาผลตอบแทนที่เป็นธรรม มีเกียรติภูมิและมีความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพตามที่ควรจะเป็น!?!!



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

คาดเดาไม่ออก บอกไม่ถูก | ลึกแต่ไม่ลับ
เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (12) เจ้านายสนับสนุนรัฐนิยมในสมัยสร้างชาติ