เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ร้อนสุดขั้ว ‘สะท้านโลก’

15.06.2025

สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน

[email protected]

ในช่วงเวลาเพียง 12 เดือนที่ผ่านมานี้ ประชากรโลก 4 พันล้านคน หรือประมาณ 49 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก เจอกับภาวะร้อนสุดขั้วอย่างน้อย 30 วัน หรือในช่วงระหว่างปี 2534-2563 อุณหภูมิในพื้นที่นั้นๆ ร้อนมากขึ้นกว่า 90%

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปรากฏการณ์โลกเดือดกับไม่มีปรากฏการณ์โลกเดือดเกิดขึ้น ใน 195 ประเทศจะมีจำนวนวันที่มีอากาศร้อนสุดขั้วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว

ในจำนวนเหตุการณ์ร้อนสุดขั้ว 67 ครั้ง เป็นผลที่มาจากปรากฏการณ์โลกเดือดนำไปสู่ความเสียหายทั้งทรัพย์สินและผู้คนล้มตาย

ทั้งหมดนี้เป็นข้อสรุปใจความสำคัญของรายงานชิ้นล่าสุด จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มเครือข่ายความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศนานาชาติ (World Weather Attribution) ร่วมกับศูนย์สภาพอากาศแห่งกาชาด ประเมินผลกระทบจากภาวะร้อนสุดขั้วในปรากฏการณ์เปลี่ยนสภาพภูมิอากาศที่มีต่อชาวโลกระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2567-1 พฤษภาคม 2568 หรือช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ตลอดช่วง 12 เดือนชาวโลกเจอกับปีที่อากาศร้อนที่สุด และเดือนมกราคมที่ร้อนสุดขั้วเท่าที่บันทึกเป็นสถิติไว้

ถ้าจะไล่เรียงเหตุการณ์ร้อนสุดขั้ว ปี 2567 ถือว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำลายสถิติที่บันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2393 และยังเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ย 1.60 องศาเซลเซียส สูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม

เมื่อเทียบสถิติปี 2534-2563 พบว่าปี 2567 มีอุณหภูมิสูงกว่า 0.72 องศาเซลเซียส

ในแต่ละเดือนตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน 2567 อุณหภูมิเพิ่มสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

เฉพาะวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 อุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงถึง 17.16 องศาเซลเซียส ถือเป็นลำดับ 2 ของสถิติที่บันทึกไว้เฉพาะเดือนกรกฎาคม และเมื่อเทียบกับปี 2534-2563 สูงขึ้น 0.68 องศาเซลเซียส

ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่าอุณหภูมิร้อนสุดขั้ว ปี 2567 ทำให้ชาวโลกสะท้านมากกว่าปีไหนๆ

ส่วนในปี 2568 นี้มีปรากฏการณ์น่าจับตาอย่างมาก นั่นคือ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา มีอุณหภูมิร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ และเป็นเดือนแรกของปีที่ผืนน้ำแข็งของขั้วโลกเหนือมีปริมาณน้ำแข็งต่ำสุด

มีนาคมของปี 2568 เป็นเดือนที่อุณหภูมิโลกสูงเป็นลำดับที่ 2 ค่าเฉลี่ย 14.06 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนมีนาคมในปี 2534-2543 และสูงกว่าเดือนมีนาคมในยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม 1.60 องศาเซลเซียส

กล่าวเฉพาะยุโรป เดือนมีนาคม 2568 เป็นเดือนที่อุณหภูมิร้อนที่สุดทำลายสถิติอีกครั้งหนึ่ง และยังเป็นเดือนที่มีฝนตกอย่างหนัก ระดับรุนแรงสุดขั้ว ขณะที่พื้นที่หลายแห่งทำสถิติแล้งที่สุด บางแห่งนั้นมีฝนตกหนักที่สุดทำลายสถิติในรอบ 47 ปี ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิทั่วยุโรปตลอดเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ 6.03 องศาเซลเซียส

การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเนื่องจากระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก นำไปสู่ภาวะร้อนสุดขั้ว พายุกราดเกรี้ยว ฝนถล่มรุนแรง คลื่นความร้อนและไฟป่า

ในรายงานชิ้นนี้ นักวิทยาศาสตร์พยายามทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์โลกเดือดที่มีผลกับอุณหภูมิร้อนสุดขั้วในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยนำข้อมูลอุณหภูมิในแต่ละวันของ 247 ประเทศ และข้อมูลดัชนีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือซีเอสไอ (Climate Shift Index) ระหว่างวันที่ 1พฤษภาคม 2567-1 พฤษภาคม 2568 มาวิเคราะห์

นอกจากนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังรวบรวมเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากอากาศร้อนสุดขั้ว 67 เหตุการณ์ใน 232 ประเทศในช่วงเวลา 1 ปีนั้นมาประมวลผลว่าในแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากภาวะโลกเดือดมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการนับห้วงเวลาตั้งแต่เริ่มต้นเกิดคลื่นความร้อนจนกระทั่งวันสุดท้าย

จาก 67 เหตุการณ์ นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลใน 4 เหตุการณ์ใหญ่ๆ

1. เหตุร้อนสุดขั้วเกิดในพื้นที่เอเชียกลางล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2568

2. ร้อนสุดขั้วในพื้นที่ซูดานใต้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568

3. ร้อนมรณะในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เดือนกรกฎาคม 2567

4. ร้อนสุดขั้วในพื้นที่แถบเม็กซิโก, ภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและอเมริกากลาง เดือนมิถุนายน 2567

เหตุการณ์ที่ 1 เป็นคลื่นความร้อนเกิดขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิในแถบเอเชียกลาง 3 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐคีร์กีซสถาน ที่เมืองจาลาลาบัด อุณหภูมิวัดได้ 30.8 องศาเซลเซียส สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เมืองนาแมนกัน 29.4 องศาเซลเซียส เมืองเฟอร์อานา อุณหภูมิ 29.1 องศาเซลเซียส และสาธารณรัฐคาซัคสถาน เมืองชาห์ดารา อุณหภูมิในช่วงกลางคืน 18.3 องศาเซลเซียส

ปกติแล้ว แถบเอเชียกลางในเดือนมีนาคมเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิจะเฉลี่ยอยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส-10 องศาเซลเซียส แต่ปรากฏว่าเดือนมีนาคมของปี 2568 อุณหภูมิพุ่งกระโดดอย่างมาก

เป็นปรากฏการณ์ที่มีความเป็นพิเศษ

กราฟิกแสดงอุณหภูมิบริเวณพื้นผิวโลก ในปี 2567 แบ่งตามหมวดหมู่สีตั้งแต่ด้านซ้ายอุณหภูมิเย็นสุดเป็นสีฟ้าเข้ม และร้อนสุดขั้วสีแดงเข้ม (ที่มาภาพ : หน่วยงานบริการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหภาพยุโรป)

เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในแถบซูดานใต้ของทวีปแอฟริกา อากาศที่นั่นร้อนอย่างสุดขั้วตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทางการซูดานต้องออกประกาศเตือนผู้คนอย่าไปอยู่กลางแจ้ง และจิบน้ำบ่อยๆ นอกจากนี้ ยังสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ 2 สัปดาห์ภายหลังเด็กนักเรียนมีอาการฮีตสโตรกหลายสิบคน

ชาวซูดานใต้ส่วนใหญ่ยากจนอยู่ในกระต๊อบหลังคาสังกะสี ไม่มีแอร์คอนดิชั่น ไม่มีไฟฟ้าใช้และมีน้ำสะอาดให้ดื่มกินทั่วประเทศน้อยมาก อากาศร้อนสุดขั้วจึงมีผลกระทบกับเด็ก ผู้หญิง และคนแก่

หลังเกิดเหตุร้อนสุดขั้ว ผลผลิตทางการเกษตรลดฮวบ แถมยังมีสงครามกลางเมืองอีกต่างหาก

ทำให้เด็กๆ ราว 860,000 คนเผชิญกับภาวะขาดสารอาหาร

เหตุการณ์ที่ 3 คลื่นความร้อนมรณะในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 มีชาวเมืองกรีซ, อิตาลี, สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส และโมร็อกโก เผชิญกับอากาศร้อนสุดขั้ว

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน

ยังเกิดไฟป่าเผาบ้านเรือนพินาศอีกมาก

ก่อนเกิดคลื่นความร้อนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิทั่วโลกในเดือนมิถุนายน 2567 ทำสถิติสูงสุดเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม

อากาศร้อนสุดขั้วนำไปสู่ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนมรณะ

เหตุการณ์ที่ 4 เกิดขึ้นในพื้นที่ตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโกและประเทศทางตอนเหนือของอเมริกากลาง เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า โดมความร้อนหรือฮีตโดม ห่อคลุมพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลาหลายสัปดาห์ อุณหภูมิที่นั่นเพิ่มสูงทั้งกลางวันกลางคืน ทำลายสถิติเดิมที่มีมา โดยเฉพาะในเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส

ประเมินว่าคลื่นความร้อนที่ปกคลุมเม็กซิโก ทำให้ชาวเม็กซิโกเสียชีวิตอย่างน้อย 125 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ไม่มีรายงาน แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ประเมินไว้

ผลสรุปจากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดนี้ จึงกล่าวได้ว่าคลื่นความร้อนมีส่วนสัมพันธ์กับปรากฏการณ์โลกเดือด โดยสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมนุษย์ปล่อยก๊าซพิษสู่ชั้นบรรยากาศโลกอย่างไม่บันยะบันยังนั่นเอง



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด