
‘ทักษิณ’ แค่ ‘เลื่อน’ ไม่หนี ผ่อน ปมร้อน คดีชั้น 14มติแพทยสภา-ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวน

บทความในประเทศ
‘ทักษิณ’ แค่ ‘เลื่อน’ ไม่หนี
ผ่อน ปมร้อน คดีชั้น 14
มติแพทยสภา-ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวน
ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร รับหลักการวาระแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อุณหภูมิทางการเมืองกลับทวีคูณความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งจากสถานการณ์ภายในประเทศและนอกประเทศ โดยภายในประเทศย่อมหนีไม่พ้นกระแสข่าวการปรับเก้าอี้รัฐมนตรี (ครม.)
ซึ่งช่วงเวลาสอดคล้องกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ ทวงกระทรวงมหาดไทยคืนให้กับพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยยกเหตุผลว่ากระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังทำงานได้ไม่เต็มที่
รวมทั้งสถานการณ์รอยร้าวภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งเกิดจากความไม่พอใจผู้นำพรรคที่สะสมปัญหามายาวนาน ประกอบกับข่าวลือ ส.ส.เตรียมย้ายออกเพื่อไปร่วมสังกัดพรรค “โอกาสใหม่”
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าจับตามองและพุ่งเป้าโฟกัสเป็นพิเศษ นั่นคือ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566
ตามปฏิทินในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน การประชุมใหญ่ของกรรมการแพทยสภา มีวาระที่น่าสนใจคือ แพทยสภาจะลงมติเพื่อยืนยันมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษาตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
โดยผลการประชุมของบอร์ดแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง และแพทยสภาเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
“1 ท่านที่มีการว่ากล่าวตักเตือนเนื่องจากความผิดไม่ได้รุนแรงมากนัก เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว ส่วน 2 ท่านที่ถูกพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเรื่องของการให้ข้อมูลในเอกสารทางการแพทย์ ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
แต่ทว่า เรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ได้ยื่นหนังสือยับยั้ง (วีโต้) มติแพทยสภา ที่ให้ลงโทษแพทย์ที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดจริยธรรมการประกอบวิชาชีพเวชกรรม จำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้แพทยสภาต้องมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 12 มิถุนายนว่าจะยืนยันมติเดิมหรือไม่ ทั้งนี้ การยืนยันมติเดิมจะต้องได้เสียงโหวตจำนวน 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ทั้งหมด จำนวน 70 คน หรือต้องใช้ 47 เสียง ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
หลังจบวันที่ 12 มิถุนายน เหตุการณ์ต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายนนั้น ถือได้ว่ามีความเกี่ยวพันโดยตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณได้รับการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 13 มิถุนายน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกามีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลยในคดีทั้ง 3 คดี แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงตามที่อ้างในคำร้องหรือไม่ พร้อมกับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงข้อประกอบการพิจารณาของศาลว่าการดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เกิดกระแสข่าวลือขึ้นมากมายว่า อดีตนายกฯ ทักษิณได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ออกมาปรากฏตัวสยบข่าวลือต่างๆ ด้วยการขึ้นเวทีโชว์วิชั่นปราบยาเสพติด
ย้ำชัดเจนว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่หนี!
แต่ทว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะไม่เดินทางไปไต่สวนคดีชั้น 14 โดยจะส่งทนายไป
ซึ่งนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความและผู้รับมอบอำนาจนายทักษิณเปิดเผยว่า วันที่ 13 มิถุนายน ตนและทีมทนายความจะเดินทางไปศาลฎีกา ส่วนประเด็นชี้แจงเราก็ทำเตรียมไปชี้แจง เนื่องจากการพิจารณาคดีนี้เป็นรูปแบบลักษณะคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เตรียมชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายในขณะต้องรับโทษตามความเป็นจริง ต้องดูว่าภายหลังจากศาลได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว ศาลจะมีการดำเนินกระบวนการพิจารณาอย่างไร หรือมีประเด็นอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งตนเป็นทั้งทนายความและในฐานะผู้รับมอบอำนาจสามารถกระทำการแทนได้
“ส่วนนายทักษิณลูกความของตนจะไม่ได้เดินทางไปศาล เนื่องจากศาลฎีกาฯ นักการเมืองก็ไม่ได้มีหมายเรียกท่านมา ท่านต้องใช้สิทธิชี้แจงต่อศาลตามกระบวนการ อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอศาลฎีกาฯ นักการเมืองขอขยายเวลาส่งเอกสารไต่สวนไป 30 วัน โดยศาลฎีกาฯ อนุญาตถึงวันที่ 23 มิถุนายน” นายวิญญัติระบุ
ฉะนั้น คงต้องจับตาดูว่าทั้ง 2 ปมร้อนนี้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ว่าผลจะออกมาทางใด ท้ายที่สุดแล้ว จะเขย่าการเมืองหรือส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่