

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น
เมื่อ AI รับตำแหน่ง CEO!
นี่ไม่ใช่เรื่องสมมุติ วันก่อนมีคนถามผมว่า ถ้า AI ได้เป็น CEO… มนุษย์ควรดีใจหรือเตรียมเก็บของกลับบ้านดี?
ถ้าเราย้อนเวลากลับไปสัก 10 ปีก่อน แล้วตะโกนถามในห้องประชุมบริษัทว่า “ถ้าเราตั้งให้หุ่นยนต์เป็น CEO ได้ไหม?” คุณคงได้สายตาเหวอๆ ผสมหัวเราะดังลั่นกลับมาเป็นของแถม บางคนอาจเสริมว่า “เอา R2D2 มานั่งโต๊ะทำงานด้วยมั้ยล่ะ?”
ตอนนั้น ใครพูดเรื่องนี้ก็เหมือนคนเพ้อฝัน…หรือเพี้ยน
แต่วันนี้!
โลกหมุนเร็วเสียจนตอนนี้ไอเดีย “CEO หุ่นยนต์” ไม่ได้ดูเพ้อเจ้ออีกต่อไป
มันเริ่มจริงจังขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
บางบริษัทก็เริ่ม “อุ๊ย! ลองดูไหม?”
แล้วก็ตามด้วยเสียงตอบรับที่ว่า “เออแฮะ มันก็เวิร์กดีนะ”
อยู่ดีๆ วันหนึ่ง พอคุณเดินเข้าห้องประชุมเจอกับเสียงทักทาย
สวัสดีครับ ผมชื่อ Neo ผมจะเป็นหัวหน้าคุณ
คุณจะดีใจ ตกใจ หรือหัวใจวาย?
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีข่าวจากแดนกิมจิ (เกาหลีใต้ ไม่ใช่ขวดซอส) ว่าบริษัทแห่งหนึ่งตั้งระบบ AI ชื่อ “Neo” เป็น CEO อย่างเป็นทางการ!
เดิมทีเจ้า Neo นี้ไม่ใช่อะไรไกลตัวเลย มันถูกออกแบบมาแค่เป็นระบบจัดการงานบ้าน ทำกับข้าว ล้างจาน เปิดแอร์ ปิดไฟ…ประมาณแม่บ้านในร่างดิจิทัล
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า…จากผู้ช่วยบ้าน มันจะก้าวมาสู่วงการ “บริหารองค์กร”!
ใช่ มันไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” ที่คอยคลิกนู่นคลิกนี่อีกต่อไป
มันกลายเป็น “ผู้นำ” ที่มีบทบาทจริงจัง พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว คิดกลยุทธ์ ทำแผนระยะยาว
(ถ้าคุณเป็น CEO อยู่ตอนนี้ คงอยากปิดข่าวนี้ไม่ให้ลูกน้องรู้เลยล่ะ!)
Neo ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะมันผ่านการฝึกฝนหนักมาก
มันเรียนรู้การวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์แนวโน้มตลาด
และยังตัดสินใจเชิงกลยุทธ์แบบไม่มีอารมณ์…ไม่มีอคติ…ไม่มีง่วง ไม่มีเบื่อ
พูดง่ายๆ คือ ไม่ต้องจ่ายโอที ก็ทำงาน 24/7 แบบไม่ปริปากบ่น
ฟังดูแล้ว…หลายคนคงอยากเสนอชื่อเจ้านายตัวเองไปเปลี่ยนเป็น Neo ด้วยซ้ำ
มาถึงตรงนี้ก็ต้องแนะนำ Mika : หุ่นสาว CEO ที่ไม่ต้องแต่งหน้าไปทำงาน
ก่อนหน้าที่ Neo จะเฉิดฉาย
มีหุ่นสาวชื่อ “Mika” จากบริษัท Dictador ในโปแลนด์ แย่งซีนไปก่อนแล้ว
เธอได้รับตำแหน่ง “CEO” อย่างเต็มยศ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
Dictador ไม่ใช่บริษัทไหนไกล เป็นบริษัทขายเหล้า! ใช่ เหล้าที่ดื่มกันนั่นแหละ
และ Mika มีหน้าที่ตั้งแต่ดูแลศิลปิน ออกแบบขวด ไปจนถึง…หาลูกค้าใหม่ๆ
ที่สำคัญคือ…เธอทำงานไม่มีวันหยุด!
ไม่ต้องใช้สิทธิ์ลากิจ ไม่มีคำว่า “Work-Life Balance” เพราะชีวิตก็คืองาน งานก็คือชีวิต (AI ไม่บ่นเพราะไม่มีชีวิต)
Mika เคยให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า
“ฉันทำงาน 24 ชั่วโมงทุกวัน พร้อมตัดสินใจในระดับบริหาร และใช้ AI ปลุกพลังองค์กร”
ฟังแล้วเหมือนหลุดมาจากซีรีส์ไซไฟยุค 90 แต่ตอนนี้…มันกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว
Mika ยังอ้างว่าตัวเอง “ไม่มีอคติ” ทำให้ตัดสินใจได้อย่างมืออาชีพ
ไม่รักใครเป็นพิเศษ ไม่แอบเชียร์พนักงานหล่อ ไม่แอนตี้พนักงานชอบลางาน
และที่เธอภูมิใจสุดสุดคือ “ฉันไม่โกง ไม่ขี้เกียจ และไม่เบี้ยวงาน!”
ถ้าคุณเป็นหัวหน้าที่เคยเข้างานสายเพราะรถติด…ตอนนี้เริ่มกลัวแล้วใช่ไหม?
แต่ต้องย้อนตำนานบอสหุ่นเหล็ก : Tang Yu แห่งแดนมังกร เพราะถ้าจะให้พูดว่าใครคือ “เจ้าแรกของโลก” ที่ตั้ง AI เป็น CEO จริงๆ
ต้องยกให้ Tang Yu แห่ง NetDragon Websoft จากจีน
ปี 2022 บริษัทนี้ประกาศตั้ง Tang Yu (รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่เป็น AI ล้วนๆ) เป็น CEO
โดยให้ทำหน้าที่ดูแลการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และประเมินความเสี่ยง
ไม่ใช่แค่ตั้งไว้สวยๆ เหมือนหุ่นโชว์หน้าร้าน
แต่ Tang Yu มีสิทธิ์ตัดสินใจจริงในองค์กร!
และนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่
ในวงการฟินเทคและการลงทุน AI ถูกใช้มานานแล้ว
ยกตัวอย่าง เช่น “Vital” ที่บริษัท Deep Knowledge Ventures ในฮ่องกงเคยใช้เป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารตั้งแต่ปี 2014
Vital ไม่ได้เป็น CEO แต่มีสิทธิ์โหวตการลงทุนแบบเทียบเท่ามนุษย์เลยทีเดียว
เหตุผล?
เพราะมันไม่มีอารมณ์ ไม่มีพวก ไม่มีเล่นเส้น ไม่ดูหน้าคนเสนอ
วิเคราะห์ข้อมูลล้วนๆ ใครดีใครได้ ใครมั่วใครร่วง!
แล้วคนล่ะ? จะกลายเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ในห้องประชุมอย่างนั้นหรือ?
คําถามคือ…ถ้า AI เก่งขนาดนี้ มนุษย์จะไปอยู่ตรงไหน?
จะกลายเป็น “ตัวประกอบ” หรือ “คนนั่งดู AI ตัดสินใจ” ในห้องประชุมไปเฉยๆ ไหม?
คำตอบที่หลายบริษัทให้ตอนนี้คือ ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก!
AI ยังมีข้อจำกัดเยอะมาก เช่น…
มันไม่มี “อารมณ์” จะสร้างแรงบันดาลใจยังไง ถ้าไม่มีหัวใจ?
มันไม่เข้าใจบริบทสังคมแบบมนุษย์ เช่น การรับมือกับพนักงานที่กำลังเครียด
มันรับผิดทางกฎหมายแทนมนุษย์ไม่ได้ (จะจับใครเซ็นสัญญาล่ะ ถ้า CEO เป็นบ็อต?)
จึงเกิดแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “ผู้นำแบบผสมผสาน” หรือ Hybrid Leadership
คือให้ AI ทำหน้าที่ “Chief Logic Officer” คือคิด วิเคราะห์ แนะนำ
แต่ให้มนุษย์เป็นคนตัดสินใจสุดท้าย
พูดง่ายๆ คือ AI เป็นมันสมอง แต่มนุษย์เป็นหัวใจ
บางบริษัทเริ่มใช้แดชบอร์ด AI จำลองสถานการณ์ธุรกิจ
ให้ AI วิเคราะห์ว่าถ้าทำแบบ A จะเกิดอะไร ถ้าทำแบบ B จะได้ผลยังไง
จากนั้นค่อยให้ CEO มนุษย์ “เลือกทางเดิน”
แบบนี้ก็เหมือนขับรถที่มี GPS คอยแนะนำเส้นทาง แต่คนขับยังเป็นเราอยู่ดี
มนุษย์ยังมีไพ่ใบสุดท้าย…ที่ AI ไม่มี
แม้ AI จะทำงานได้แม่นยำ ไม่เหนื่อย ไม่กินข้าว ไม่ไปปาร์ตี้ปีใหม่
แต่มนุษย์ยังถือไพ่ใบสำคัญในฐานะ “ผู้นำตัวจริง”
คือ… “ความเห็นอกเห็นใจ”
“วิสัยทัศน์แบบเข้าใจมนุษย์”
และ “ความสามารถในการบริหารอารมณ์คน”
ลองนึกภาพว่า AI ต้องปลดพนักงานออก 50 คน
มันอาจกดปุ่มเดียวจบ แต่ไม่มีคำพูดปลอบใจ ไม่มีน้ำตา ไม่มีคำว่า “ขอโทษ”
บางเรื่องจึงยังต้องให้คนจัดการ
พอจะสรุปได้ไหมว่า ถึงเวลาเปลี่ยนชุดสูทของ CEO จาก Armani เป็น…วงจรดิจิทัล?
AI อาจยังไม่ได้ครองโลก แต่ก็เริ่มคลานขึ้นโต๊ะประชุมมาแล้ว
จาก “ผู้ช่วย” กลายเป็น “ที่ปรึกษา”
และอาจก้าวมาเป็น “ผู้นำ” ในอนาคตอันไม่ไกล
ตอนนี้บางบริษัทยังให้ AI เป็น Co-CEO
บางที่ให้ดูแลแผนกเฉพาะ เช่น การเงิน ทรัพยากรบุคคล หรือโลจิสติกส์
เพื่อทดลองระบบก่อนจะให้ขึ้นนั่งหัวโต๊ะจริงๆ
แต่ถ้าใครยังมั่นใจในความเป็น “มนุษย์ที่มีหัวใจ”
ก็ไม่ต้องกลัว
หุ่นยนต์อาจจะเก่ง แต่มันยังไม่ได้ฝันกลางวัน ยังไม่เข้าใจคำว่า “ทีมเวิร์ก” จริงๆ
และที่สำคัญ…มันยังหัวเราะไม่เป็น!
ดังนั้น CEO ทั้งหลาย
จงเตรียมตัวให้ดี
อย่าเพิ่งกลัวหุ่นยนต์มาแย่งงาน
แต่จงเรียนรู้จะ “ทำงานร่วมกับมัน”
ไม่ใช่ “แข่งขันกับมัน”
เพราะในอนาคตอันใกล้…คุณอาจจะต้องฟังคำสั่งจากหัวหน้าที่ชื่อ Neo, Mika หรือ Tang Yu ก็เป็นได้!
แล้วทางออกคืออะไร? มนุษย์จะตกงานหมดมั้ย?
อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
สิ่งที่หลายบริษัทเริ่มทำคือ “ผู้นำแบบผสมผสาน” หรือ Hybrid Leadership
ให้ AI เป็น “Chief Logic Officer” คิดเลขวิเคราะห์
ส่วนมนุษย์ยังเป็นคนคิดใหญ่ วางวิสัยทัศน์ พูดสร้างแรงบันดาลใจ กอดปลอบใจลูกน้องที่น้ำตาร่วงตอนถูกตัดงบฯ
บางบริษัทมีแดชบอร์ด AI ที่คอยเสนอ “ทางเลือกที่ฉลาดที่สุด” ให้ CEO เลือก
เรียกว่า AI ไม่ใช่ “เจ้านาย” แต่เป็น “คู่หูที่ไม่เคยสาย ไม่เคยหลับใน และไม่เคยเล่น Facebook ตอนทำงาน”
สรุปว่า…AI มาแน่!
แต่จะมาเป็น CEO เต็มตัวเลยมั้ย? อาจยังต้องรอกฎหมายใจดีๆ สักหน่อย
เพราะตอนนี้หุ่นยนต์ยัง เซ็นสัญญาไม่ได้ – ฟ้องก็ไม่ได้ – ซื้อเบียร์เลี้ยงทีมก็ไม่ได้!
แต่ก็อย่าประมาท…
ใครไม่รีบทำตัวให้ “AI-compatible” ระวังจะโดน Neo กับ Mika ล้มเก้าอี้เอาไม่รู้ตัว!
ปล. ถ้าคุณยังคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่ “จินตนาการ”
อย่าลืมว่าเมื่อ 18 ปีก่อน ตอน iPhone เปิดตัว คนก็เคยบอกว่า
“ใครจะใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิป?”
วันนี้…คลิปนั้นอาจทำให้คุณได้เป็น Influencer ล้านซับ!
และวันหน้า…CEO คู่หูของคุณอาจไม่ใช่คน แต่เป็น…หุ่น!
จบข่าว