
ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ลุกลาม ‘วงการกีฬา’ จับตาห้ามแข่ง ‘ซีเกมส์’

เขย่าสนาม | เงาปีศาจ
สถานการณ์ความไม่สงบกรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง
รัฐบาลกัมพูชา และผู้นำอย่าง ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชายของ สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ทำทุกวิถีทางตอบโต้ไทย และพยายามจะลากไทยไปขึ้นศาลโลกเพื่อตัดสินกรณีพิพาทชายแดน แต่ฝ่ายไทยรู้ทัน ประกาศชัดไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกหลังเคยเจ็บปวดสูญเสียเขาพระวิหารมาแล้ว
ด้านกำลังทหารไทยประกาศจุดยืนชัดเจนอีกว่า ยึดแผนที่ 1 : 50,000 ไม่รับแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝ่ายกัมพูชายกมาอ้างเพื่อหวังยึดผืนแผ่นดินไทย หากอยากได้ต้องดวลกัน ทหารไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติ
ท่ามกลางความคุกรุ่น กัมพูชาตอบโต้ไทยทุกทาง ไล่ตั้งแต่ประกาศปิดด่านทุกด่าน แบนสินค้าไทย ไม่นำเข้าสินค้าไทย แบนหนัง ละครไทยจากจอทีวี ฝ่ายไทยประกาศพร้อมตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ตกัมพูชา
และพร้อมจะปิดด่านทุกด่านเช่นเดียวกัน
ข้อพิพาทดังกล่าวลุกลามเข้ามาถึงวงการกีฬาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อ สหพันธ์กุนขแมร์ (Kun Khmer Federation) ออกประกาศแบนนักมวยจากไทยทั้งชาย และหญิง ไม่ให้ขึ้นเวที และห้ามนำเสนอผ่านโทรทัศน์ และช่องรายการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์กุนขแมร์ ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568
สหพันธ์กุนขแมร์ ประกาศว่า “ขอแจ้งให้บรรดาผู้ประกอบการ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ และบริษัทพันธมิตร ทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป นักกีฬาไทยชายและหญิงทุกคนจะถูกห้ามจากสถานีโทรทัศน์และสนามมวยต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์กุนขแมร์ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง”
ประกาศดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายต่อนักมวยไทย เพราะในอดีตจนถึงปัจจุบันแทบจะไม่มีนักมวยไทยไปขึ้นชกในกัมพูชา หรือปะทะกับมวยกุนขแมร์ เว้นเสียแต่ว่า โดนท้าทาย และตอบรับคำท้าทายเพื่อไปปราบมวยกุนขแมร์ในถิ่นแค่นั้น
เรื่องที่จะหวังไปขึ้นเวทีชกและกอบโกยรายได้จากประเทศกัมพูชาไม่มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว
ที่ผ่านมาอาจจะมีนักมวยไทยเล็กๆ ระดับรากหญ้า หรือมวยท้องถิ่น หรือนักมวยไทยที่หนีคดีตามกฎหมายเข้าไปอาศัยอยู่ในกัมพูชาและไปขึ้นสังเวียนชกอยู่บ้าง แต่นั่นคือส่วนน้อย
การประกาศดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ของกัมพูชาที่ขยายวงกว้างเข้ามาในแวดวงกีฬาเท่านั้น
สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ประกาศเรียกแรงงานเขมรกลับประเทศทั้งหมด และน่าจะมีมาตรการตอบโต้ไทยตามมาอีกเรื่อยๆ หลังจากนี้
นั่นทำให้นักวิเคราะห์คาดกันว่า งานใหญ่ระดับอาเซียนของประเทศไทยในปลายปีนี้อย่างการเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงเทพฯ-ชลบุรี-สงขลา ระหว่างวันที่ 9 -20 ธันวาคม 2568 มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา จะสั่งห้ามไม่ให้นักกีฬากัมพูชาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
ซึ่งนั่นอาจทำให้การชิงชัยในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เหลือเพียง 10 ประเทศภาคีอาเซียนร่วมชิงชัย
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า ประเทศกัมพูชาในซีเกมส์ พวกเขาเป็น 1 ใน 6 สมาชิกที่ร่วมก่อตั้งสมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1959 และได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งแรกในซีเกมส์ 1961 ที่ย่างกุ้ง ประเทศพม่า
จากนั้นพวกเขาก็ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมาตลอดทุกครั้ง
ข้อสันนิษฐานว่า กัมพูชาอาจไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
แม้ว่าฝ่ายไทยโดย สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และ ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะยืนยันแบบหนักแน่นว่า ข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ระหว่างไทยกับกัมพูชา จะไม่ส่งผลกระทบมายังกีฬาซีเกมส์ ซึ่งได้พูดคุยกับ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ยืนยันและเชื่อว่าเมื่อถึงช่วงเวลาของการแข่งขันซีเกมส์ในเดือนธันวาคมนี้ สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม หากยังไม่คลี่คลาย เราก็มีวิธีการที่จะทำให้คณะนักกีฬากัมพูชาสามารถเข้าออกประเทศไทยได้อย่างแน่นอน จริงๆ แล้วเรื่องกีฬากับการเมือง อยากให้แยกแยะ อยากจะให้แยกให้ออกว่า กีฬาคือกีฬา การเมืองคือการเมือง ไม่อยากให้นำมาปนกัน
น้องๆ นักกีฬาแต่ละประเทศ แต่ละชาติต่างๆ ก็เต็มที่กับการฝึกซ้อม เพื่อรับใช้ประเทศของตนเอง ทุกคนควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
เราเองในฐานะเป็นเจ้าภาพ เขามาในฐานะนักกีฬา ไม่ใช่นักการเมือง เพราะฉะนั้น อยากจะให้ทุกคนช่วยกันต้อนรับพวกเขาอย่างเต็มที่ ด้วยไมตรีจิตของเจ้าภาพที่ดี
ด้านมนตรีซีเกมส์ของประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นภาคีสมาชิกของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ แสดงความเป็นห่วงและร้องขอให้ประเทศไทยมีมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หลังจากมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม 60 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวถูกประกาศภายหลังเกิดปัญหาข้อพิพาท
ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันกลับไปว่า ไม่มีปัญหาอยู่แล้วสำหรับประเด็นดังกล่าว รัฐบาลไทยเข้าใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือในการให้นักกีฬากัมพูชามาแข่งขันกีฬาซีเกมส์
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามกันไปอีกระยะหนึ่งว่า สุดท้ายแล้วเมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชามีโอกาสนำเสนอเรื่องการส่งนักกีฬามาแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศไทยต่อผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือ สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร?
ได้แต่หวังว่า ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่ขยายวงความขัดแย้งเข้ามาในวงการกีฬา
เพราะถ้านักกีฬากัมพูชาถูกสั่งห้ามไม่ให้มาแข่งขัน คนที่ผิดหวังมากที่สุดคือ คนกีฬาและนักกีฬากัมพูชา ที่อุตส่าห์ซ้อมกันมาเป็นปี…