
ฮุน มาเนต เมินเจรจาทวิภาคี ยื่นศาลโลกตัดสินข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา ฮุน เซน ปล่อยคลิปสนทนาแพทองธาร วิกฤตศรัทธา ถาโถม

บทความในประเทศ
ฮุน มาเนต เมินเจรจาทวิภาคี
ยื่นศาลโลกตัดสินข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา
ฮุน เซน ปล่อยคลิปสนทนาแพทองธาร
วิกฤตศรัทธา ถาโถม
สถานการณ์ความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ได้เพิ่มระดับความตึงเครียดจนเริ่มลุกลามบานปลาย และทำท่าว่าจะยืดเยื้อไปอีกนาน
ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งผลกระทบรุนแรงหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทหารไทยปะทะกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แม้ว่าที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศจะใช้กลไกการเจรจาระดับทวิภาคี ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดน ไทย-กัมพูชา (JBC) เพื่อหาทางออกร่วมกัน
แต่ฝ่ายกัมพูชากลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิม
เหตุเพราะมีการกล่าวอ้างว่าไทยยอมร่วมมือกับกัมพูชา โดยนำข้อพิพาทชายแดน 4 จุด ซึ่งได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมืองโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ทั้งๆ ที่ไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นจุดยืนร่วมกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติอีกกว่า 118 ประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่า ทั้งไทยและกัมพูชาตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญากำหนดเขตแดนระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1904 และสนธิสัญญา ปี 1907 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดน
กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่า โซเชียลลุกเป็นไฟ หลังกัมพูชาชิงพื้นที่ในการสื่อสาร ออกแถลงการณ์แบบมัดมือชก ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
คนไทยหัวร้อนเดือดถึงขีดสุด เพราะเชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้ฝ่ายไทยเสียผลประโยชน์มหาศาล
ร้อนถึงกระทรวงการต่างประเทศต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้ ชี้แจงข้อเท็จจริง ยืนยันว่าไม่มีการหารือกรณีแผนที่ 1 : 200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด
อีกทั้งรู้สึกผิดหวังที่กัมพูชาขาดความจริงใจ ไม่ปฏิบัติตามหลักสากล และการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี
ขณะเดียวกันเรียกร้องให้กัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการเจรจา JBC ซึ่งฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนกันยายน 2568
รวมไปถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทของทั้ง 2 ประเทศ
ตามมาด้วยปฏิกิริยาตอบโต้อย่างดุเดือดระดับผู้นำประเทศ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตั้งหลักได้ หลังจากถูกตำหนิอย่างหนักกับท่าทีในการแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา ที่ล่าช้า และหน่อมแน้มเกินไป
แต่ครั้งนี้นายกฯ อิ๊งค์ เทกแอ๊กชั่นแรง โต้กลับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ที่ใช้โซเชียลปลุกปั่น สื่อสารนอกกรอบ ไม่เป็นมืออาชีพ ทำให้เกิดผลลบและเกิดความวุ่นวายทั้งในแบบทางการและไม่เป็นทางการ ส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
“ข่าวที่ออกมา เคยมีการตกลงกันอยู่แล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าวนะ เพราะเราต้องคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร เพราะคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารคนละคนกัน”
“เราไม่เคยยั่วยุหรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในและต่างประเทศ ถ้าจะต้องเกิดการปะทะ ก็ต้องมีการพูดคุยกับทหารด้วยว่าพร้อมหรือไม่ เราอยู่ในสถานะใด และเขาอยู่ในสถานะใด”
“ไม่ใช่จู่ๆ จะมีเรื่อง และสามารถจุดให้ไฟมันติดได้เลย นี่คือกรอบที่เราต้องยึด รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ ถ้าไม่เคารพกติกา ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก” แพทองธารกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะพยายามลากเพื่อนบ้านหัวดื้อเข้าสู่โต๊ะการเจรจา แต่กัมพูชากลับแสดงท่าทีเมินเฉย ไม่สนใจไยดี จ้องเปิดเกมรุกใส่ ลั่นกลองรบสุดกำลัง หวังให้คนกลางมาช่วยตัดสินปัญหาข้อพิพาทเขตแดน
สอดรับกับแอ๊กชั่นของฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ที่ได้ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดนในพื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย
โดยยึดถือฤกษ์ดี วันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันประวัติศาสตร์ที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหาร แม้ว่าทั้ง 2 เหตุการณ์จะเกิดขึ้นห่างกัน 63 ปี แต่เจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของกัมพูชายังคงเหมือนเดิม
กล่าวคือ อาศัยกฎหมายระหว่างประเทศผ่านกลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ที่ปัญหามีความซับซ้อนมาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปะทะด้วยอาวุธ โดยอ้างว่ากลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ตอกย้ำภาพปิดประตูการเจรจาทวิภาคี หลังสมเด็จฮุน เซน ออกมาโจมตีไทยให้เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำว่าใครก็ตามที่หลบเลี่ยงศาล ก็เท่ากับว่าเขามีความผิด มีแต่โจรเท่านั้นที่กลัวศาล ถ้าเราบริสุทธิ์ เราก็ไม่ต้องกลัวศาล
พร้อมเปิดฉากรุกไล่นายกฯ อิ๊งค์ ปล่อยคลิปเสียงสนทนาต่อรอง สุมไฟสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ให้รุนแรงกว่าเดิม สะเทือนไปยังเสถียรภาพรัฐบาลที่เปราะบางใกล้อับปางท่ามกลางสารพัดปัญหารอบด้าน
ฮุน เซน อ้างว่า เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องทางการ จึงจำเป็นต้องบันทึกเสียงการสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในกัมพูชาด้วย
ขณะที่แพทองธารรีบออกมาโต้ทันควัน ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงของจริง แต่รู้สึกผิดหวังที่โดนอัดเสียงสนทนา ท่านฮุน เซน ทำแบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร
“ท่านฮุน เซน ก็เคยบอกดิฉันว่าคะแนนนิยมตัวเองเริ่มตก หวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม เรื่องนี้ก็อยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองว่าเมื่อผู้นำ 2 ท่านคุยกันส่วนตัว แต่มีการอัดคลิปแล้วปล่อยออกมาแบบนี้” แพทองธารกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
ขณะเดียวกัน อุณหภูมิข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทุแรงขึ้นอีกระดับ เศรษฐกิจการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนบริเวณชายแดนระส่ำระสายหนัก เพราะสมเด็จฮุน เซน ปลุกปั่นกระแสชาตินิยม สร้างความเกลียดชังระหว่าง 2 ประเทศ
โดยออกคำสั่งให้คนกัมพูชาที่พำนักและทำงานอยู่ในประเทศไทยเดินทางกลับบ้านเกิด ก่อนที่จะถูกขับไล่ และถูกเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จะยืดเยื้อไปอีกนาน
แต่แรงงานกัมพูชาหลายคนเลือกที่จะอยู่ในประเทศไทยต่อ เพราะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้ค่าแรงวันละ 400-500 บาท สวัสดิการเพียบพร้อม เมินคำสั่งฮุน เซน ขอตายที่ไทยดีกว่ากลับไปตกงานที่บ้านเกิด
ด้านมุมมองของ บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง โดยฉาพภาพความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ตอนนี้กระแสเริ่มถูกตีฟู และมีคนบางกลุ่มใช้โอกาสนี้ในการโจมตีรัฐบาล
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งทางการทหารนะ เกมหลักมันเป็นความขัดแย้งทางการเมือง แล้วเป็นการซ้อนกัน ทั้งในระดับระหว่างประเทศ และการเมืองภายในประเทศ แอ๊กชั่นต่างๆ ที่เกิดจากฝ่ายรัฐบาล หรือผู้ที่มีอำนาจฝั่งฮุน เซน เป็นไปเพื่อที่จะใช้โอกาสทางการเมือง เรียกคะแนนนิยมหรือไปกลบปัญหาอื่น”
“ผมคิดว่าผู้คนย่อมเห็นสันติภาพดีกว่าการเกิดสงคราม ผู้นำของทั้ง 2 ฝั่งต้องไม่ใช้โอกาสนี้ในการฉวยโอกาสทำประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ต้องมองประโยชน์ของประเทศชาติ หรือความสัมพันธ์ที่มีอยู่เป็นหลัก ต้องรักษาสิ่งนี้เอาไว้” บก.ลายจุดกล่าว
ขณะที่ เสธ.แมว พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วิเคราะห์การเดินเกมของฮุน เซน ได้อย่างแหลมคม โดยเตือนว่าหากเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์ก็จะเข้าทางกัมพูชาทันที
“เราเห็นความมุ่งหมายของฝ่ายกัมพูชาชัดเจน คือเขาประสงค์ 4 พื้นที่ที่ไปยื่นศาลโลกนั่นแหละ นี่เป็นเกมของฮุน เซน เลย ถอยประวัติศาสตร์ให้เกิดความคึกคัก ยื่นเรื่องไปศาลโลกวันเดียวกับที่เขาชนะคดีเขาพระวิหาร เมื่อ 63 ปีที่แล้ว”
“เราเดินเกมตามหลังฮุน เซน ทุกครั้ง แต่เราก็มีสิ่งที่จะยับยั้งเขาได้อยู่ คือการที่เราไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ดังนั้น หากเขาจะดำเนินการตรงนี้ ก็ยากที่จะราบรื่น ก็จะติดอุปสรรคที่เรา แต่ขณะเดียวกันเราก็ประมาทไม่ได้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ปะทะเมื่อไหร่ ก็จะเข้าทางเขา”
“เขาต้องการดึงให้เราเข้าไปอยู่ในกระบวนการของศาลโลก เพราะเป็นสิ่งที่เขาเชื่อมั่น และคิดว่าได้เปรียบนั่นก็คือแผนที่ 1 : 200,000 ที่ผนวกอยู่ท้ายอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1904 และสนธิสัญญา ปี 1907”
พล.ท.ภราดรประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พร้อมแนะรัฐบาลดึงกัมพูชากลับเข้าสู่การเจรจาทวิภาคีให้ได้ เพื่อยุติปัญหาข้อพิพาทเขตแดนร่วมกันอย่างจริงใจ