เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

มนุษย์มิได้เป็นเกาะโดดเดี่ยว

02.07.2025

นัยความเป็นคน | นิ้วกลม

มนุษย์มิได้เป็นเกาะโดดเดี่ยว

1 “ไม่มีผู้ใดเป็นดั่งเกาะที่อยู่เดียวดาย”

กวีชาวอังกฤษ จอห์น ดันน์ เขียนบทกวีไว้เช่นนั้น

ทว่า ในสังคมสมัยใหม่กลับไม่ชวนให้คิดเช่นนั้น ผู้คนจำนวนมากโดดเดี่ยวมากขึ้น เราอยู่ในสังคมที่มุ่งเน้นความสำเร็จส่วนบุคคล ชวนให้เชื่อว่าทุกคนต้องอยู่รอดให้ได้ ‘บนลำแข้งตนเอง’ ต้องใช้ความพยายามพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ มากไปกว่านั้น เทคโนโลยีก็ผลักเราห่างจากกัน แถมยังทำให้หมกมุ่นกับตนเอง และพึ่งพาตัวเองมากขึ้นด้วย

โซเชียลมีเดียทำให้เราได้ ‘เห็น’ ชีวิตของผู้คนที่ไกลออกไปและไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เราไปกดติดตามชีวิตของเขา เข้าไปส่องชีวิตที่รวยกว่า หรูหรากว่า สนุกกว่า และสวยงามกว่าชีวิตของเรา ‘อินฟลูเอนเซอร์’ เหล่านี้มีอิทธิพลต่อความปรารถนาของเรา ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ไม่สวยพอ ไม่มีความสุขมากกว่า ซึ่งเกิดจากการเปรียบเทียบ โดยลืมไปว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เลิศเลอกว่าคนทั่วไป

ชีวิตที่โดดเดี่ยว ทำงานหนัก ยืนบนลำแข้งตัวเอง แถมยังต้องคอยเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดนั้นไม่น่าจะเป็น ‘ชีวิตที่ดี’ สักเท่าไหร่ เราใช้ชีวิตโดยถูกโยนคำถามและความคาดหวังใส่ตัวเองตลอดว่า “จะดีกว่านี้ได้ยังไง”

ทั้งที่ในความเป็นจริงเราอาจจะ ‘ดี’ มากพอแล้วก็เป็นได้

2 มุนดี เอนโกมาเน นักเขียนและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและเด็กชาวแอฟริกาใต้มีคำแนะนำที่น่าสนใจ เธอบอกว่า “แทนที่จะเอาตัวเราไปเทียบกับผู้อื่น เราควรพิจารณาว่าสิ่งที่ผู้อื่นมีนั้นมีค่าและส่งผลในเชิงบวกต่อชีวิตเรายังไงบ้าง” แล้วเราจะพบ ‘อินฟลูฯ’ ที่ส่งผลต่อเราในแง่ดีอยู่มากมาย

เราสามารถถามคำถามสองข้อที่อาจไม่ค่อยได้ถามในชีวิต

หนึ่ง, กว่าที่เราจะมาถึงวันนี้ มีใครบ้างในชีวิตที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เราและทำให้เราได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่

ผมคิดว่าคำตอบนี้ชวนให้คิดได้กว้างไกล ตั้งแต่พ่อแม่ที่ให้กำเนิด พี่น้องที่ช่วยสนับสนุน หมู่ญาติที่มีน้ำใจ เพื่อนพ้องที่เคียงข้าง ครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน คนรัก เลยไกลไปถึงดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่าง แม่น้ำที่มอบน้ำให้ชีวิต ต้นไม้ที่มอบอากาศหายใจ และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่เราคงไม่มีสามารถมีชีวิตอยู่ได้เลย หากปราศจาก ‘ทั้งหมด’ นั้น

นี่คือคำถามที่น่าทบทวนอย่างจริงจัง

ซึ่งถ้าได้ลองตอบกับตัวเองดูสักครั้ง เราจะพบว่าชีวิตเป็นสิ่งสวยงามและมหัศจรรย์อย่างยิ่ง การเกิดมาแล้วได้รับการเกื้อหนุนจากผู้คนและสรรพสิ่งรอบตัวย่อมเป็นเรื่องที่ควรชื่นชมยินดีและสำนึกขอบคุณที่ทั้งโลกและชีวิตต่างๆ หยิบยื่นสิ่งละอันพันละน้อยกระทั่งประกอบสร้างกลายเป็นเรา

ผมลองนึกทบทวนแล้วพบความรู้สึก ‘ชื่นใจ’ กับการมีชีวิตอยู่

3 คำถามที่สองก็สำคัญไม่แพ้กัน, ลองถามตัวเองว่า กว่าจะมาถึงวันนี้เราได้ช่วยเหลือใครไปบ้าง ลองไล่เรียงรายชื่อผู้คนที่ได้ประโยชน์จากการมีอยู่ของเรา เป็นได้มากมายเลย พ่อแม่ก็ใช่ พี่น้อง ญาติมิตร ลูกศิษย์ รุ่นน้อง รุ่นพี่ ครูอาจารย์ ลูกค้า พ่อค้าแม่ขาย และอีกมายในโลก

เราจะมองเห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางผู้คนและผู้คน มองเห็นตนเองแบมือยื่นออกไปเพื่อ ‘รับ’ สิ่งมีค่าที่ผู้มีพระคุณมอบให้ และมองเห็นตนเองยื่นมือออกไปแล้วคว่ำมือลงเพื่อ ‘ให้’ สิ่งมีค่าที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาหรือมีอยู่ในตัวเองให้กับคนอื่น

ใช่, เรามีสิ่งมีค่าติดตัวอยู่มากมาย-เราดีพออยู่แล้ว

ภาพชีวิตที่ปรากฏย่อมต่างไปจากเดิม จากภาพของมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคด้วยความพยายามเพียงลำพัง หากสำเร็จก็ชื่นชมตนเอง หากล้มเหลวก็โทษตนเอง กลายมาเป็นภาพของคนที่แวดล้อมไปด้วย ‘ความรุ่มรวย’ ของชีวิต

มีทั้งคนให้สิ่งดีและรับสิ่งดีๆ จากเราอยู่ตลอด

สำหรับผมแล้ว ภาพแบบหลังนั้น ‘จริง’ กว่าแบบแรก

เพราะชีวิตมนุษย์คือความสัมพันธ์ เราแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา เราต่างใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการให้และรับเหมือนหายใจออกและหายใจเข้า

ได้มา-มอบออกไป

มอบออกไป-ได้กลับคืนมา

นี่คือภาพที่งดงามและแท้จริงของชีวิต

4 แนวคิดหรือปรัชญาที่มองชีวิตเป็นสายใยสัมพันธ์ยังคงมีให้เห็นในสังคมที่ความเป็นชุมชนเหนียวแน่น โดยมากมีวิถีชีวิตดั้งเดิม เช่น แนวคิดในกลุ่มคนพื้นเมืองหลายแห่งในโลก ในสังคมแอฟริกันตอนใต้มีปรัชญาที่เรียกว่า ‘อูบุนตู’ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเชื่อมโยงกับคนอื่น และสร้างความผาสุกในชุมชนร่วมกัน

อาร์ชบิชอปเดสมอนต์ ตูตู กล่าวถึงความหมายของอูบุนตูไว้ว่า “ความเป็นมนุษย์ของข้าพเจ้าเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับความเป็นมนุษย์ของท่านทั้งหลาย”

ระหว่างที่คุณกำลังอ่านบรรทัดนี้ก็มี ‘อูบุนตู’ คือเราเชื่อมโยงกันผ่านตัวหนังสือ ไม่มีผู้อ่านก็ไม่มีผู้เขียน ไม่มีผู้เขียนก็ไม่มีผู้อ่าน เช่นนี้แล้วมนุษย์จึงเปี่ยมไปด้วยคุณค่า เป็นคุณค่าที่เรามอบให้กันและกันโดยตลอด

ปรัชญาอูบุนตูมีแนวคิดว่า “มีฉันได้เพราะมีเธอ”

เมื่อมองเช่นนี้จะพบว่า การที่ผมมีชีวิตอยู่อย่างราบรื่นได้ในแต่ละวันนั้นต้องขอบคุณผู้คนมากมาย ตั้งแต่แม่ค้าร้านข้าวแกงหน้าปากซอย พี่ รปภ.หน้าหมู่บ้าน พี่ช่างตัดผม พี่ที่กวาดใบไม้ทำความสะอาดถนนในหมู่บ้าน พนักงานเก็บเงินทางด่วน ฯลฯ

มุมมองแบบอูบุนตูจะทำให้เรา ‘เห็น’ ชีวิตอื่นที่มีผลต่อชีวิตเรา

และทำให้เรา ‘เห็น’ คุณค่าของตัวเองที่มีต่อชีวิตอื่นด้วยเช่นกัน

หากสวมแว่นตานี้มองโลก แต่ละวันที่ตื่นขึ้นมาเราจะดำเนินชีวิตไปด้วยความรู้สึกให้เกียรติและเคารพชีวิตอื่นที่แตกต่างจากเรา โดยมองว่ามนุษย์มีความเท่าเทียมกันในคุณค่าที่หลากหลาย และจะรู้สึกซาบซึ้งใจในสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากคนอื่นและโลกนี้อยู่ตลอดเวลา

เมื่อใครทำได้ดี เราจะเอ่ยปากชมและขอบคุณเขา เพราะได้เห็นว่าสิ่งดีๆ ที่เขาทำนั้นทำให้เราชีวิตดีตามไปด้วย ในทางกลับกัน เมื่อเราลงมือทำอะไรสักอย่าง เราจะทำสุดฝีมือ เพราะรู้ว่าเรากำลังได้หยิบยื่น ‘ของมีค่า’ ส่งต่อไปยังผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง

แรงผลักดันเพื่อ ‘ทำงานให้ดี’ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป ไม่ใช่เงินเดือนขึ้น เลื่อนตำแหน่ง ได้โบนัส หากคือการอยากส่งมอบสิ่งดีๆ ให้คนอื่น เพราะตัวเราเองก็ได้รับสิ่งดีๆ มามากมาย

ทุกวันคือการตื่นขึ้นมาเพื่อ ‘รับ’ และ ‘ให้’ สิ่งดีงาม

ชีวิตเต็มไปด้วยเส้นใบสัมพันธ์ที่ถักทอกันเป็นผืนผ้าแห่งการอยู่ร่วมที่สวยงามและน่าชื่นชมยินดี ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกขอบคุณกันและกันอยู่เสมอ

ดังเช่นที่ผมรู้สึกขอบคุณ ‘คุณ’ ผู้อ่านที่กำลังไต่สายตาอ่านตัวหนังสือที่ผมเขียนขึ้นมา ด้วยตระหนักอย่างลึกซึ้งในใจว่า “หากไม่มีผู้อ่านย่อมไม่อาจมีผู้เขียน”

“มีฉันได้เพราะมีเธอ”

มนุษย์มิใช่เกาะโดดเดี่ยว เราคือผืนผ้ายักษ์ที่สายสายสัมพันธ์และถักทอเข้าด้วยกันอยู่ในทุกเวลานาที ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

เมื่อไหร่ที่มองเห็นสายใยเหล่านี้ เราจะรักชีวิต



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
แค่ลมหายใจ ก็รู้ทันใดว่าอ้วน!!
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (12) เจ้านายสนับสนุนรัฐนิยมในสมัยสร้างชาติ