bg-single

เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (19) Make Russia Great Again

02.07.2025

ยุทธบทความ | สุรชาติ บำรุงสุข

เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (19)

Make Russia Great Again

“ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า ชาวรัสเซียและชาวยูเครนเป็นคนที่เป็นพวกเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด”

ประธานาธิบดีปูติน

On the Historical Unity of Russians and Ukrainians (2021)

ถ้าทรัมป์นำเสนอคำขวัญในการสร้างกระแสประชานิยมอเมริกันว่า “Make America Great Again” (MAGA) ซึ่งเป็นคำขวัญที่โดนใจบรรดากลุ่มปีกขวา และบรรดาชาวประชานิยมในสังคมอเมริกันอย่างมาก จนเป็นส่วนหนึ่งของกระแสที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2024 และเห็นได้ชัดว่าทรัมป์พยายามดำเนินนโยบายในแบบที่ “สร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง” เพื่อผลักดันการสร้างอำนาจของอเมริกาให้กลับมามีความยิ่งใหญ่ในเวทีโลก ที่มีสภาวะของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์กับรัฐมหาอำนาจใหญ่กับจีน เป็นประเด็นสำคัญในการเมืองโลก

ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราหันกลับมาดูทิศทางของประธานาธิบดีปูตินแล้ว เราอาจกล่าวได้ว่าทั้งทรัมป์และปูตินไม่ได้มีความแตกต่างในเชิงนโยบาย คือการสร้างความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิให้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง หรือในทิศทางเดียวกัน สี จิ้นผิง เองก็อยู่ในทิศทางนโยบายที่ไม่ต่างกันแต่อย่างใด

ดังนั้น ถ้าทรัมป์นำเสนอ “Make America Great Again” เราก็อาจกล่าวได้ว่า นโยบายของปูตินคือ “Make Russia Great Again” (“สร้างรัสเซียให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”) หรือสำหรับสี จิ้นผิง นโยบายก็คือ “Make China Great Again” (“สร้างจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”)… ว่าที่จริงแล้ว ทัศนะแบบ “จักรวรรดินิยม” ของผู้นำรัฐมหาอำนาจใหญ่นั้น ไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รัสเซีย หรือจีนก็ตาม

เอายูเครนกลับคืนสู่จักรวรรดิ

ในเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 1991 ประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ได้ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ถึงการสิ้นสุดของสหภาพโซเวียต… หลังจากคำประกาศนี้สิ้นสุดลง “จักรวรรดิรัสเซีย” ที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ปี 1917 ได้สิ้นสภาพลง และไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากคำประกาศนี้ได้ออกอากาศ ธงแดงของพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียที่เคยโบกสะบัดอยู่เหนือพระราชวังเครมลินก็ถูกเอาลงจากเสา พร้อมกันนี้ ธงไตรรงค์ใหม่ที่มีสีแดง ขาว น้ำเงินของสหพันธรัฐรัสเซีย (the Russian Federation) ก็ถูกชักขึ้นสู่เสาแทน ธงไตรรงค์นี้ไม่ต่างจากธงของจักรวรรดิรัสเซียก่อนการปฏิวัติใหญ่ของพรรคบอลเชวิก

แต่ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะถึงจุดสุดท้ายของการล่มสลายนั้น ในวันที่ 1 ธันวาคม 1991 ความพลิกผันเริ่มปรากฏชัดในยูเครน… ยูเครนเป็นสาธารณรัฐที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหภาพโซเวียต และมีความเกี่ยวโยงทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ที่ใกล้ชิดอย่างมากกับชาวรัสเซีย แต่ชาวยูเครนกลับต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐเอกราชด้วยการลงประชามติ

ผลของประชามติเป็นไปอย่างไม่น่าเชื่อ ฝ่ายที่ต้องการเอกราชนั้น ได้เสียงมากถึง 92% และได้เสียงข้างมาก 84% แม้ในพื้นที่ดอนบาสที่อยู่ด้านตะวันออกที่มีแนวพรมแดนติดกับรัสเซีย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายรัสเซีย กระทั่งในไครเมียเอง ที่ชาวรัสเซียเป็นประชากรส่วนใหญ่ เสียงที่ต้องการเอกราชก็เป็นฝ่ายชนะด้วยเสียง 54% หรือแม้ที่เมืองเซวาสโตโปล ที่เป็นบ้านของกองเรือทะเลดำ ก็ชนะเช่นกัน มากถึง 57%

เสียงโหวตเช่นนี้กลายเป็นความน่าตกใจสำหรับผู้นำรัสเซียอย่างแน่นอน เพราะประมาณว่ามีชาวรัสเซียอยู่ในยูเครนประมาณ 30% แต่เสียงของความต้องการที่จะสร้างรัฐเอกราชของยูเครนกลับเป็นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาด จนอาจกล่าวได้ว่าประชามติยูเครนไม่เพียงแต่จะตัดสินอนาคตของยูเครนเท่านั้น

หากแต่ยังมีส่วนสำคัญในการตัดสินอนาคตของสหภาพโซเวียต ที่นำไปสู่การล่มสลายในเวลาต่อมา ตลอดรวมถึงมีส่วนกำหนดอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของรัสเซียในวันข้างหน้าอีกด้วย

แต่สำหรับผู้นำรัสเซียแล้ว การเป็นรัฐเอกราชของยูเครนนั้น ทำให้การสร้างจักรวรรดิรัสเซียเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น การคิดที่จะเอายูเครนกลับสู่มาตุภูมิรัสเซีย จึงเป็นสิ่งที่มีอยู่ในใจของพวกเขามาโดยตลอด จนอาจต้องถือว่าการเอายูเครนคืนมาให้ได้นั้น ต้องถือเป็น “โปรเจ็กต์แห่งจักรวรรดิ” (imperial project) ดังเช่นที่เบรสซินสกี (Zbigniew Brezezinski) อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ กล่าวถึงอนาคตของรัสเซียในอนาคตว่า “หากปราศจากยูเครน รัสเซียจะไม่มีทางเป็นจักรวรรดิได้เลย” (The Grand Chessboard, 1997) ดังนั้น การเอายูเครนกลับมาได้ จะเป็นการ “สร้างรัสเซียให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง” แน่นอน

แต่ในอีกด้านของความจริงที่ต้องยอมรับในทางชาติพันธุ์ก็คือ ยูเครนเป็นสาธารณรัฐที่ไม่ใช่ของชาวรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียต (non-Russian republic) และพวกเขาไม่ต้องการการปกครองของรัสเซีย

กระนั้น การจะเอายูเครนกลับมาสู่มาตุภูมิรัสเซียนั้น แทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเสียงของประชามติเอกราชชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในยูเครน พวกเขาไม่ได้ต้องการกลับไปมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิรัสเซีย และที่สำคัญในทางความคิดนั้น พวกเขาไม่เคยเชื่อว่ายูเครนและรัสเซียเป็นคนพวกเดียวกัน ซึ่งเท่ากับตอกย้ำว่าการเอายูเครนกลับสู่ “อ้อมกอด” ทางการเมืองของรัสเซียอย่างสันติวิธีนั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก

ตัวเลขประชามติบอกชัดว่า ชาวยูเครนอยากขอแยกตัวออก

สงครามของจักรวรรดิ

ในอีกด้านของการที่จะเอายูเครนคืน คือรัสเซียจะต้องแก้ปัญหาความอ่อนแอของกองทัพรัสเซียหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตให้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเวลาต่อมาว่า ผู้นำรัสเซียเร่งสร้างความเข้มแข็งของกองทัพ ด้วยการขยายบทบาททางทหารในเวทีสากลอย่างต่อเนื่อง

การเสริมสร้างและขยายบทบาทของกองทัพรัสเซียใน 20 เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความพยายามในการฟื้นบทบาทความเป็นรัฐมหาอำนาจของรัสเซียให้กลับคืนมา ก่อนที่รัสเซียจะใช้มาตรการทางทหารดำเนินการกับยูเครนในรูปแบบของสงครามใหญ่ในต้นปี 2022

– 1992 การสร้างฐานทัพในอาร์เมเนีย

– 1992 การสร้างสถานีเรดาร์ในอาเซอร์ไบจาน

– 1992 การส่งกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในโครเอเชีย

– 1992 การส่งกำลังเข้าแทรกแซงในวิกฤตการณ์ทรานนิสเตรีย

– 1992 การแทรกแซงสงครามกลางเมืองในทาจิกิสถาน

– 1992 การแทรกแซงปัญหาความขัดแย้งในจอร์เจีย

– 1993 การส่งกำลังเข้ารักษาสันติภาพในอับคาเซีย

– 1994 การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในบอสเนีย

– 1995 การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในแองโกลา

– 1997 การตั้งฐานทัพในทาจิกิสถาน

– 1997 การตั้งฐานทัพเรือในทะเลดำที่ไครเมีย

– 1999 การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในโคโซโว

– 2000 การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในเซียร์ราลีโอน

– 2003 การตั้งฐานทัพในคีร์กีซสถาน

– 2006 การส่งกำลังทหารเข้ารักษาสันติภาพในซูดานและซูดานใต้

– 2008 การเข้าแทรกแซงความขัดแย้งในจอร์เจีย และสนับสนุนให้เกิดการแยกตัวเป็นรัฐเอกราชของอับคาเซีย (Abkhazia) และออสซีเชียใต้ (South Ossetia)

– 2009 การส่งกำลังปฏิบัติการรักษาสันติภาพในชาด (Chad)

– 2014 การใช้กำลังทหารเข้ายึดไครเมียและดอนบาสของยูเครน

– 2015 การส่งทหารเข้าร่วมกับฝ่ายรัฐบาลในสงครามกลางเมืองซีเรีย

หากพิจารณาจาก 20 เหตุการณ์ที่รัสเซียใช้กำลังเข้าไปมีบทบาทในแต่ละพื้นที่นั้น อาจกล่าวได้ว่ามี 3 เหตุการณ์หลักที่สำคัญ ได้แก่ การแทรกแซงในวิกฤตการณ์จอร์เจียในปี 2008 ด้วยการสนับสนุนการตั้งรัฐเอกราชครั้งนี้ เป็นการบ่งบอกถึงบทบาทของรัสเซียในการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ที่เป็นเพื่อนบ้านของรัสเซีย (หรือพื้นที่ที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของสหภาพโซเวียตมาก่อน) อีกทั้งการใช้กำลังและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในวิกฤตการณ์ไครเมียและดอนบาสในปี 2014 และการส่งกำลังเข้าร่วมในการปราบปรามการก่อกบฏในสงครามกลางเมืองซีเรียในปี 2015

ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการฟื้นความเป็นมหาอำนาจของรัสเซียอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการมีบทบาทในสงครามกลางเมืองซีเรีย คือการกลับเข้ามามีบทบาททางทหารของรัสเซียในตะวันออกกลางในรอบ 25 ปีหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

นอกจากนี้ ชัยชนะในการเอาไครเมียกลับคืนสู่การควบคุมของรัสเซียในปี 2014 นั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีผลในทางจิตวิทยาอย่างมาก ซึ่งเป็นดัง “อภินิหารสงคราม” ที่กองทัพรัสเซียสามารถเปิดปฏิบัติการด้วยรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะของความเป็น “สงครามพันทาง” (Hybrid Warfare) ทั้งเป็นปฏิบัติการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียได้อย่างดี รวมถึงปฏิบัติการของกองกำลังในดอนบาสเช่นกันด้วย

ความรวดเร็วในการดำเนินการทางทหารเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตะวันตกไม่สามารถตั้งตัวได้ทันในการตอบโต้ และทำได้มากที่สุดคือ การออกมาตรการแซงก์ชั่นต่อรัสเซีย

สร้างรัสเซียใหม่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ความสำเร็จใน 3 เหตุการณ์เช่นนี้ คือการตอกย้ำถึงความสำเร็จของประธานาธิบดีปูติน ในการฟื้นความเป็นมหาอำนาจใหญ่ของรัสเซียให้กลับคืนมาอีกครั้ง และความสำเร็จเช่นนี้ทำให้กระแสชาตินิยมรัสเซียมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในการขับเคลื่อนเช่นนี้ “โปรเจ็กต์แห่งจักรวรรดิ” ที่จะต้องเอายูเครนกลับคืน เพื่อการสร้างจักรวรรดิรัสเซียในยุคใหม่อีกครั้ง จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น คงไม่แปลกนักที่จะสรุปในท้ายที่สุดว่า สงครามยูเครนสำหรับประธานาธิบดีปูติน และอาจรวมถึงบรรดาปีกชาตินิยมรัสเซียทั้งหลาย ก็คือ “Make Russia Great Again”!



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

‘สีกากอล์ฟ’ กับ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’
แพทองธาร พร้อมผลักดันสื่อสารภาพลักษณ์พุทธศาสนาให้ทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ลอย ชูโมเดล การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยุทธวิธีของ ปธน. Javier Milei ที่ไทยควรเรียนรู้
ICSI
ICSI คืออะไร สามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ไหม?
เจ้าอาวาสกับอำนาจเหนือพื้นที่วัด : โครงสร้างที่ต้องสังคายนาใหม่ (1)
วัคซีนเรืองแสงสุดโรแมนติก แพร่ผ่านการกุ๊กกิ๊กกันและกัน
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (13) เมื่อสำนักพระราชวังตักเตือน “เจ้าชาย-เจ้าหญิง” ให้แต่งกายตามรัฐนิยม
ดาวกับดวงวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568
พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)