เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

พลิกมุมการเมืองไทย จาก ‘วิกฤต’ สู่ ‘โอกาส’ คิดเป็น-ทำจริง ‘ไม่มีทางตัน’ | เหยี่ยวถลาลม

26.06.2025

เหยี่ยวถลาลม

พลิกมุมการเมืองไทย

จาก ‘วิกฤต’ สู่ ‘โอกาส’

คิดเป็น-ทำจริง ‘ไม่มีทางตัน’

ใครจะคิดว่าคลิปสนทนา “ลุง-หลาน” ที่เคยสนิทสนมกันมานานตั้งแต่รุ่นพ่อจะกลายเป็น “ปมร้อน” ของ 2 ประเทศเพื่อนบ้าน

นับตั้งแต่เด็กๆ ลุงจุดไฟที่ชายแดนช่องบก สองฝ่ายระหองระแหงจนยิงกันตาย ไฟลามลากยาวมาจนถึงวันที่ลุงปล่อยคลิปสนทนากับหลาน นั่นเป็นวันที่สัมพันธภาพอันยาวนานคลอนแคลนย่ำแย่จนกระทั่ง “สะบั้น” ลง ทำให้การเมืองของทั้งสองฝั่งหลังชนฝา ผู้นำต่างชี้นิ้วชี้หน้ากัน เศรษฐกิจการค้าที่ต่างก็ชักหน้าไม่ถึงหลังจึงก้าวไปสู่ความขัดสนหนักยิ่งขึ้น

คลิปสนทนาฮุน เซน-อุ๊งอิ๊ง เป็นเกมโหมไฟให้ลามต่อจากพิพาทช่องบก

ดูหนังต้นม้วน เหมือนผู้นำฝ่ายไทยจะยังตั้งตัวไม่ติด ในขณะที่ผู้นำฝ่ายกัมพูชาคึกคักอักโขขับเคลื่อนเข้าสู่ “เป้าหมาย”

ที่ฝั่งกัมพูชา มีประชาชนราว 150,000 คนเดินขบวนแสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลและกองกำลังทหาร พร้อมๆ กับที่นายกรัฐมนตรี “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซน กระพือให้สัมภาษณ์ว่า การเดินขบวนมีความสำคัญต่อประเทศชาติ เป็นขวัญกำลังใจให้กับรัฐบาลและทหารในแนวหน้าเพื่อปกป้องอธิปไตย

เห็นชัดว่า “อธิปไตย” ถูกหยิบขึ้นมาใช้เป็น “ฟืน” จุดไฟความเกลียดชัง

สร้างภาพตามตำนานพันปีที่มี “ผู้รุกราน” กับ “ผู้ถูกรุกราน”

Khmer Times รายงานว่า สถาบัน Asian Vision Institute (AVI) สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนกัมพูชา 1,588 คน เรื่อง แนวทางแก้ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ผลสรุปว่า

93.6% พอใจกับแนวทางรัฐบาล (ที่แข็งกร้าว)

99.8% สนับสนุนการยื่นเรื่องต่อศาลโลก หรือ ICJ

29.3% เห็นด้วยกับการเจรจาแบบทวิภาคี ควบคู่กับกระบวนการ ICJ

0.2% เห็นควรใช้กำลังทหาร

AVI แถลงแบบ “ล็อกเป้า” ว่า ประชาชนกัมพูชาได้รับข้อมูลชัดเจน ถูกต้องและน่าเชื่อถือ มีความเข้าใจและสนับสนุนผู้นำกัมพูชา

จากนั้นก็เกิด “คลิป” ลุงกับหลาน นำไปสู่ “วิกฤตการณ์” รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง!

เมื่อเผชิญวิกฤตก็ต้องย้อนไปยัง “ครรลอง” ของระบอบ

ทาง 1 รัฐบาลอยู่ต่อไป พร้อมกับนำเสนอแนวทางใดๆ

ทางที่ 2 นายกรัฐมนตรีลาออก

ทางที่ 3 ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งกันใหม่

เป็นธรรมดาที่ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายต้าน ฝ่ายตบ ต่างนัดพบปะตระเตรียม “จุดไฟ” ให้ลุกโชน

บทสนทนาจากคลิปถูกตีความ แปลความ กระทั่งแต่งความให้ร้ายถึงขั้นขายชาติขายแผ่นดิน เฮทสปีช (Hate Speech) สารพัดถูกขุดขึ้นมาใช้อย่างเมามันอีกครั้ง

ที่จริงแล้ว การเมืองในระบอบเสรีประชาธิปไตย ใครจะชอบใคร หรือไม่ชอบใคร ใครจะนิยมพรรคการเมืองใด หรือไม่นิยมพรรคการเมืองใดนั้นเป็นรสนิยมทางการเมืองที่แตกต่างเป็นปกติธรรมดา

แต่จะ “ไม่ธรรมดา” ถ้าปรากฏการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นเบื้องหน้าตระกูล “ฮุน” ในกัมพูชา

ที่ฝั่งไทยใช้ “กฎหมาย” เป็นอุปกรณ์เพื่อบรรลุเป้าหมายสังคมปลอดภัย สงบสุข สันติสุข ถึงแม้บางช่วงจะผิดเพี้ยนพิกลพิการไปบ้าง แต่ไทยก็เจริญเติบโตบนฐานรากที่ไม่อาจใช้อำนาจเป็นอุปกรณ์ควบคุมและครอบงำคน

ถ้าคลิปฮุน เซน ทำไทยแตก กัมพูชาก็ชนะโดยไม่ต้องรบ!!

แต่ชั่วข้ามคืนภายหลัง “คลิปลุง-หลาน” เล่นงานอุ๊งอิ๊งจนซวนเซ รัฐบาลก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการทำความเข้าใจกับผู้นำเหล่าทัพ

นายกรัฐมนตรีเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล เว้น “ภูมิใจไทย” ยอมรับถึงการพูดคุยทั้งหมดกับฮุน เซน ในฐานะส่วนตัวคนที่รู้จักสนิทสนมกัน ไม่ประสงค์ให้เกิดความบาดหมางขัดแย้ง กระทั่งเป็นสงครามทำความเสียหายทางเศรษฐกิจ ประชาชนสองฝั่งลำบาก การเจรจาแบบประนีประนอมไม่ได้แลกด้วยประโยชน์อันใดของชาติ ไม่ต้องการให้ใครมายุแยง ปั่นหัวให้แตกแยก

อุ๊งอิ๊งประกาศไม่ลาออก ไม่ยุบสภาใดๆ ทั้งสิ้น

ถัดไปอีกวัน “อุ๊งอิ๊ง” ทั้งโพสต์ทั้งแถลง รัฐบาลกับกองทัพเดินหน้ารักษาอธิปไตย สามัคคีประเทศไทย ผลักดันนโยบายแก้ไขปัญหา พร้อมกับ “ยกระดับ” มาตรการกดดันกัมพูชาทุกด้าน

นายกรัฐมนตรีแพทองธารแถลงว่า สหประชาชาติมีข้อมูลว่า กัมพูชาเป็นศูนย์รวม เป็นที่ซ่องสุม เป็นที่ตั้งขององค์กรอาชญากรรมระดับโลก ยูเอ็นระบุว่า 40-60 เปอร์เซ็นต์ของ “จีดีพี” กัมพูชา มาจากมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตามข้อมูลของสหประชาชาติ สร้างความเสียหายปีละ 6 แสนล้านบาท ดังนั้น จากนี้เป็นต้นไป ไทยจะร่วมมือกับนานาชาติสกัดกั้นหรือคว่ำบาตรอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา ไทยจะให้ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ควบคุมการเข้า-ออกจุดผ่านแดน ตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัด ห้ามรถยนต์ และบุคคลเข้าออกเว้น แต่การรักษาพยาบาลผู้ป่วยและการศึกษา ระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมายฝั่งกัมพูชา ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ปิดประตูอินเตอร์เน็ตใต้น้ำที่ไปยังหน่วยงานทหารและความมั่นคงของกัมพูชาทั้งหมด

แม้จะตกอยู่ท่ามกลาง “เปลวไฟ” ที่ถูกจุดขึ้นอย่างตั้งใจให้เกลียดชัง “อุ๊งอิ๊ง” และ “ชินวัตร” แต่ก็กล่าวได้ว่า การเมืองในระบอบประชาธิปไตย คือแรงกดดันให้นักการเมืองต้องพยายามหาทางพลิก “วิกฤต” ให้เป็น “โอกาส” เพื่อไม่พ่ายในทางการเมือง

แต่ข้อพิจารณาที่น่าสนใจคือ “โอกาส” ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นก่อให้เกิดประโยชน์อะไร และเป็นประโยชน์กับใคร

ภายหลังวิกฤตจาก “คลิปฮุน เซน” รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง “ตาสว่าง” เมื่อมุ่งมั่นค้นหาจุดอ่อน จุดแข็งระหว่างไทยกับกัมพูชา

เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ตลอดจนวัฒนธรรมทางการเมืองไทยกับกัมพูชาแตกต่างกันฟ้ากับเหว เสรีประชาธิปไตยไทยค่อยๆ เป็นมา ระบบกฎหมายและการยุติธรรมตั้งรกราก มีมาตรฐานมายาวนานเป็นร้อยปี รัฐบาลลุกขึ้นเล่นบท “สามัคคีประเทศไทย” ประกาศตัวเป็นเจ้าภาพ ทำเพื่อประชาชนไทย ประชาคมโลก

ปฏิบัติการปิดล้อมสกัดกั้นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรมโลก ปิดกั้นกัมพูชา!?!!!



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

คาดเดาไม่ออก บอกไม่ถูก | ลึกแต่ไม่ลับ
เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (12) เจ้านายสนับสนุนรัฐนิยมในสมัยสร้างชาติ