เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

โผปรับ ครม.คุกรุ่น พายุใน ‘ชามข้าว’ พรรคร่วมไปต่อแบบกระเพื่อมๆ

27.06.2025

บทความในประเทศ

โผปรับ ครม.คุกรุ่น

พายุใน ‘ชามข้าว’

พรรคร่วมไปต่อแบบกระเพื่อมๆ

หลังจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชิงประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อปรากฏคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ส่งผลให้เก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง ทำให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ต้องเร่งเดินหน้าจัดทัพปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องการปรับ ครม. ขอโควต้ากระทรวงมหาดไทย คืนจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จนถึงขั้นงัดไพ่ใบสุดท้ายมาต่อสู้ ขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมง หากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนกรานไม่คืนเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย ก็พร้อมเขี่ยพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นพรรคฝ่ายค้านทันที

ทว่า เมื่อท้ายที่สุดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตัดสินใจประกาศแยกทางออกจากรัฐบาล ทำให้มีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการ อีก 4 เก้าอี้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) จึงนัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่มาหารือเป็นการภายใน ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งเรื่องการปรับ ครม. รวมทั้งพูดคุยถึงการเกลี่ยโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างลง 8 เก้าอี้ เพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม

โดยวงหารือครั้งนี้ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเข้าร่วมหารือกันพร้อมเพรียงครบทุกพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้ยืนยันต่อแกนนำทุกพรรคถึงสถานการณ์รัฐบาล หลังจากไม่มีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อยู่ร่วมว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป เรื่องสำคัญขณะนี้คือ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพได้ร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าจะรักษาดินแดนและอธิปไตยได้อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันแกนนำทุกพรรคได้กล่าวยืนยันว่าจะร่วมสนับสนุน น.ส.แพทองธารต่อไป เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรค รทสช.มีมติเสนอให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากนายกฯ

แต่ปรากฏว่าวงหารือนายพีระพันธุ์แสดงท่าทีสนับสนุน น.ส.แพทองธารอย่างเต็มที่ พร้อมร่วมทำงานต่อไป

เมื่อพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอนตัวออกไป ทำให้เสียงของรัฐบาลหายไปถึง 69 เสียง รัฐบาลต้องเผชิญกับเสียงปริ่มน้ำ หากไม่สามารถประคับประคองพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่ได้ ย่อมส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ฉะนั้น การปรับ ครม.จำเป็นต้องจัดสรร แบ่งที่นั่ง แบ่งเค้ก ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเหมาะสมและลงตัวที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาตามมาภายหลังได้

โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ได้มีการแจกใบกรอกประวัติให้กับรัฐมนตรีทุกคน เพื่อยืนยันและอัพเดตข้อมูลของแต่ละคน ซึ่งต่างจากเดิมผู้ที่กรอกประวัติคือ รัฐมนตรีใหม่หรือบุคคลที่ได้รับการสลับตำแหน่ง แต่สาเหตุที่นายกฯ ให้รัฐมนตรีทุกคนยืนยันข้อมูลตัวเอง เนื่องจากต้องการอัพเดตข้อมูล ป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง

นอกจากนี้ นายกฯ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ขณะนี้มีบางคนทยอยส่งประวัติเข้ามาให้ตรวจสอบแล้ว และคาดว่าสัปดาห์นี้จะทยอยส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และเมื่อ สลค.ได้รับประวัติแล้วจะมีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยว อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

ส่วนความเคลื่อนไหวการจัดโผ ครม.แพทองธาร 2 ในครั้งนี้ เป็นที่แน่ชัดว่ากระทรวงมหาดไทยจะกลับมาอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย 100 เปอร์เซ็นต์ หลังก่อนหน้านี้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการทวงคืนมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มาบริหารเอง โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย จะโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมานั่งเป็น มท.1

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะได้รัฐมนตรีช่วยว่าการ เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง จากกระแสข่าวมีชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มีชื่อของนายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี 4 สมัย เข้ามาแทน เนื่องจากหวั่นว่านายชัยชนะจะสะดุดด้วยคดีความ

เช่นเดียวกับพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ได้รับแจ้งว่าจะได้รับการจัดสรร 1 เก้าอี้ โดยพรรคได้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค เข้าร่วมคณะรัฐมนตรี พร้อมกรอกประวัติแล้วเรียบร้อย

ส่วนพรรคกล้าธรรมจะได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จะสลับมานั่งตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทน ส่วนนายอัครา พรหมเผ่า ที่เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย มาอยู่พรรคกล้าธรรมเต็มตัว จะอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ตามเดิม

ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสนั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีชื่อนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ ลูกชายของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ก็มีโอกาสลุ้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในโควต้าพรรคไทยสร้างไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ และนายฉันทวิชญ์ ต่างกรอกประวัติตรวจสอบคุณสมบัติแล้วทั้งคู่

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีรายงานว่า โควต้ารัฐมนตรีของพรรคยังเป็นคนเดิม อยู่ในตำแหน่งเดิม

แต่ทว่า กลุ่ม 18 ได้นัดรับประทานอาหารค่ำเมื่อคืนวันที่ 24 มิถุนายน พูดคุยถึงโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี สัดส่วนของกลุ่ม 18 ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม โดยมีรายงานว่าช่วงหนึ่งมีการหารือถึงเรื่องโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีในสัดส่วนของกลุ่ม 18 ที่ยังไม่ได้ เนื่องจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีชื่อนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรววพาณิชย์ เป็นโควต้าคนนอก ไม่ใช่ของกลุ่ม 18

ทางกลุ่มจึงมีการพูดคุยกันว่าจะมีการเสนอขอเก้าอี้รัฐมนตรี 1 เก้าอี้ โดยให้แกนนำกลุ่มไปพูดคุยกับแกนนำรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม หากโผ ครม.ลงตัวและสะเด็ดน้ำแล้ว สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องโฟกัสนับจากนี้ นั่นคือการรักษาเสถียรภาพให้มั่นคงมากที่สุด

ยิ่งตอนนี้เสียงของรัฐบาลและฝ่ายค้านตัวเลขใกล้เคียงกัน โดยฝั่งรัฐบาล 261 เสียง ฝ่ายค้าน 234 เสียง เมื่อเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้สุ่มเสี่ยงทำให้รัฐบาลเกิดความสั่นคลอนสูง

ประกอบกับการปรับ ครม.ครั้งนี้มีการต่อรองที่ถูกเปรียบเหมือนการแย่งชามข้าว ทั้งระหว่างพรรคและในพรรคเดียวกัน จึงทำให้เกิดภาวะคุกรุ่นและพร้อมจะปะทุออกมาเป็นปัญหาได้ตลอดเวลา จำเป็นต้องควบคุมให้ดี ไม่เช่นนั้นเป็นปัญหาต่อเสถียรภาพรัฐบาลได้

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เตรียมเปิดเกม ประเดิมบทบาทฝ่ายค้านด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หลังเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 กรกฎาคมนี้

ฉะนั้น นับจากนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของนายกฯ อิ๊งค์ จะนำพารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไปต่อได้นานจนครบเทอมตามเป้าหมาย โดยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคมาขวางทางทำให้รัฐบาลต้องสะดุดและหยุดกลางคันหรือไม่

ต้องรอลุ้นกัน



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

คาดเดาไม่ออก บอกไม่ถูก | ลึกแต่ไม่ลับ
เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
“หวัง อี้” ร่วมประชุมอาเซียน กระชับความร่วมมือ ไทยผลักดันความร่วมมือสำคัญ อาชญากรรมข้ามชาติ-สแกมเมอร์ออนไลน์