
ส่อง ครม.แพทองธาร 1/2 ตอบโจทย์แค่กลุ่มทุน-การเมือง ไม่กอบกู้ ‘วิกฤต’ ศรัทธารัฐบาล

บทความในประเทศ
ส่อง ครม.แพทองธาร 1/2
ตอบโจทย์แค่กลุ่มทุน-การเมือง
ไม่กอบกู้ ‘วิกฤต’ ศรัทธารัฐบาล
พลันที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ผ่านวาระแรกของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าสถานการณ์การเมืองก็เดินเข้าสู่โหมดปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที โดยเฉพาะการออกมาแสดงท่าทีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาส่งสัญญาณแนะนำให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ดึงกระทรวงมหาดไทย กลับมาบริหารจัดการในช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะเลือกตั้งใหญ่
แต่ทว่าเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนกรานว่าจะไม่ปล่อยกระทรวงมหาดไทยคืน โดยมองว่าเป็นข้อตกลงตั้งแต่ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล สุดท้ายเรื่องราวบานปลายจนถึงขั้นพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นคำขาดพร้อมขีดเส้นตายชัดเจนว่าหากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังยื้อไม่ยอมคืนกระทรวงมหาดไทย มาให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ดูแล ก็พร้อมเขี่ยพ้นจากการร่วมรัฐบาลได้เช่นกัน
จนกระทั่ง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ประกาศชิงถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลไปก่อน ยกเหตุผลคลิปเสียงบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศไทย และกองทัพไทย
ส่งผลให้เก้าอี้รัฐมนตรีสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่างลง 8 ตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมหารือเพื่อแจ้งเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ รวมทั้งจัดสรรโควต้าให้พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรี รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
สำหรับ ครม.แพทองธาร 1/2 หรือ ครม.อิ๊งค์ 1/2 มีรายชื่อดังนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อีกตำแหน่ง, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายอนุชา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายชัยชนะ เดชเดโช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ในวันที่ 3 กรกฎาคม
สําหรับ ครม.แพทองธาร 1/2 หากดูจากรายชื่อ จะพบว่าส่วนใหญ่เป็นไปตามโผที่เผยแพร่ออกมา ไม่มีพลิกแต่อย่างใด โดยรัฐมนตรีบางคนหากเปิดดูโปรไฟล์จะพบว่าแต่ละชื่อล้วนมีความเชื่อมโยงกับนักการเมือง กลุ่มทุน และกลุ่มบ้านใหญ่
โดยรัฐมนตรีที่มีสายสัมพันธ์ เชื่อมโยงกับนักการเมือง อาทิ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น้องชายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น้องชายของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีป้ายแดงที่น่าสนใจ คือ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ หรือโฟม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อีกด้วย
รวมถึง นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ หรือเอิร์ธ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุตรชายคนโตของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.พรรคไทยสร้างไทย
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ซึ่งได้โควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มมานั้น นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กลุ่มบ้านใหญ่ จ.นครปฐม ก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โควต้ารัฐมนตรีของพรรค รทสช. อยู่ในตำแหน่งเดิม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยกระแสข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่เห็นด้วยที่มีการโยกนายสุชาติ ชมกลิ่น ไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยไม่ได้มีการแจ้งให้หัวหน้าพรรคทราบก่อน
ซึ่งสุดท้ายนายสุชาติ ชมกลิ่น ก็ได้นั่งเก้าอี้เดิม คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ครม.แพทองธาร 1/2 เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเว้นว่างตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไว้ โดยมอบหมาย “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่รักษาการ
ซึ่งมีรายงานว่า เหตุผลที่เว้นว่างเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไว้เพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ หรือ “บิ๊กแก้ว” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อดีต ผบ.ทสส.) ที่จะพ้นการดำรงตำแหน่ง ส.ว.ครบ 2 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2568 เพื่อจะได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่ามกลางสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังยืดเยื้อและคาราคาซัง เหตุใดจึงเว้นว่างตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวกับความมั่นคงเช่นนี้ได้
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปรับ ครม.รอบนี้ “นายกฯ อิ๊งค์” นั่งควบเก้าอี้กระทรวงวัฒนธรรมอีกตำแหน่ง โดยนายกฯ ระบุเหตุผลของการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมว่า “ต้องดูเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ ไม่ว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นเกรดบี หรือเกรดซี แต่เป็นกระทรวงที่สำคัญ เพราะเป็นกระทรวงที่สามารถแนะนำวัฒนธรรมของไทยได้ และส่งออกซอฟต์เพาเวอร์ของไทยได้จริง”
แต่ดูเหมือนสังคมจะมองว่าเป็นการแก้เกมเพื่อจะนั่งใน ครม.ต่อไปหลังจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานนายกฯ เท่านั้น
หลังจากปรับ ครม.รอบนี้ สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือ รัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้าแก้วิกฤตศรัทธาที่ตกต่ำลงอย่างมากและต้องแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แต่หากท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลปรับ ครม.เพื่อรักษาผลประโยชน์หรือโควต้าการเมืองเท่านั้น ไม่ว่าจะปรับ ครม.อีกกี่ครั้ง ก็ดูจะสูญเปล่า
ประชาชนไม่ได้อะไร ซึ่งก็มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นเช่นนั้น!