
ย้อนนาทีการยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 และภาพการต่อต้านรัฐประหารของประชาชน

การยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 และภาพการต่อต้านรัฐประหารของประชาชน
เหตุการณ์รัฐประหารที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ถือเป็นการรัฐประหาร ครั้งที่ 13 ของประเทศไทยเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองครั้งสำคัญที่มวลมหาประชาชนหรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ “ลุงกำนัน” ได้ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้ต้องตัดสินใจประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ทว่าความตึงเครียดทางการเมืองที่โหมระอุกลับไม่มีทีท่าคลี่คลายลงแต่อย่างใด
สัญญานการรัฐประหาร เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ออกประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จากนั้นในวันที่ 21 พ.ค. ก็ได้เรียกตัวแทนจาก 7 ฝ่ายเข้าร่วมประชุมที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน โดยพล.อ. ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม แต่ยังหาทางออกไม่ได้ จึงตัดสินใจให้มาประชุมกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น (22 พฤษภาคม 2557) เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ฝากการบ้านให้ทุกฝ่ายไป หาคำตอบ 5 ข้อคือ 1. แนวทางการเลือกตั้งมีความคิดเห็นอย่างไร ต้องใช้เวลา 6-9 เดือน 2. แนวทางของรัฐบาลคนกลางที่ทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการ หรือจะเอานายกฯ ที่มีอำนาจเต็ม 3. การปฏิรูปประเทศจะเป็นรูปแบบใด 4. แนวทางของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าจะสลายการชุมนุมหรือจะให้อยู่ และ 5. มาตรการรักษาความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557″เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ภายในสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต มีการประชุมหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ผบ.เหล่าทัพ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. (ตัวแทน ผบ.สส.) ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. ร่วมกับผู้แทนของรัฐบาล วุฒิสภา คณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นวันที่สอง หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้การบ้าน 5 ข้อแก่ทุกฝ่ายกลับไปพิจารณา
ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม นายวราเทพ รัตนากร ปฏิบัติหน้าที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคมนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ปฏิบัติหน้าที่ รมช.ศึกษาธิการ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ปฏิบัติหน้าที่ รมช.คลัง
ตัวแทนวุฒิสภาประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และนายพระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
ตัวแทน กกต. ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายประวิช รัตนเพียร นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. และนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาฯ กกต.
ตัวแทนพรรคเพื่อไทยประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
ตัวแทน กปปส. ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และตัวแทน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นางธิดา โตจิราการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง
ผู้เข้าร่วมประชุมชุดเดิมที่เดินทางไปต่างรู้สึกถึงความแตกต่างของบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยที่กองทัพจัดกำลังทหารเข้ามาดูแลภายในตัวอาคารสโมสรกองทัพบกจำนวนมาก โดยแต่ละคนพกอาวุธประจำกาย ขณะเดียวกันเสนาธิการทหารได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ก่อนการหารือยังได้ขอเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของผู้เข้าร่วมประชุม
เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายเสนอแนวทางตามที่ให้การบ้านไปก่อนหน้านี้โดยแต่ละฝ่ายยังคงนำเสนอแนวทางในมุมของตัวเองซึ่งเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว เมื่อแต่ละฝ่ายไม่มีจุดร่วมที่ตรงกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอพักการประชุมและเชิญแกนนำฝ่าย นปช. และ กปปส.ไปหารือร่วมกันอีกห้องหนึ่งประมาณ 45 นาที
เมื่อกลับมาที่วงหารือแล้วยังได้เชิญเฉพาะนายจตุพรและนายสุเทพไปพูดคุยกันส่วนตัวประมาณ 1 นาทีก่อนกลับมาที่วงหารือ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์สอบถามนายชัยเกษม ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาลว่าตกลงรัฐบาลยินยอมไม่ลาออกทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษมระบุว่า “นาทีนี้ไม่ลาออก”
พล.อ.ประยุทธ์จึงบอกว่า “ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง””
คุมแกนนำ -ทหารเคลียร์พื้นที่เพื่อให้ขบวนรถที่มีคุมตัวแกนนำรัฐบาล แกนนำพรรค ประชาธิปัตย์ แกนนำ นปช.และกปปส. ผ่านไปกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่โมสรกองทัพบก เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57
จากนั้นได้เชิญตัวแทน ส.ว.และ กกต.ออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่ขอให้อยู่ในพื้นที่สโมสรทหารบกเพื่อรอคลียร์บุคคลไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนตัวแทนจากฝ่ายอื่นๆ ถูกควบคุมตัวไปยังสถานที่ต่างๆ
ต่อมา เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดย พล.อ.ประยุทธ์อ่านประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 1 ใจความว่า ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศในหลายพื้นที่เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องและเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงเวลาที่ผ่านมาตลอดจนเพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยกองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.30น. เป็นต้นไป”