เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

สุกสว่างพ่างเพี้ยงสุริยันกว่าพันดวง | บัญชา ธนบุญสมบัติ

11.08.2023

ในบทความ ‘ออปเพนไฮเมอร์’ ก่อนหน้านี้ ผมได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับ “บิดาแห่งระเบิดอะตอม” เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ เขาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของโครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project) หรือถ้าจะระบุตำแหน่งให้ชัดๆ ก็คือ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการลอส อะลามอส (Director of the Los Alamos Laboratory)

โครงการแมนแฮตตันของสหรัฐอเมริกามีจุดมุ่งหมายในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหราชอาณาจักรและแคนาดา

ส่วนคำว่า ‘ลอส อะลามอส’ เป็นชื่อของเทศมณฑล (county) ในรัฐนิวเม็กซิโก ทั้งนี้ สถานที่ทดสอบระเบิดอะตอมที่เรียกว่า ทรินิตี้ไซต์ (Trinity Site) หรือ ทรินิตี้เทสต์ไซต์ (Trinity Test Site) อยู่ทางตอนใต้ของห้องปฏิบัติการลอส อะลามอสห่างออกไปราว 230 ไมล์ (370 กิโลเมตร)

การเลือกสถานที่ทดสอบมีขั้นตอนละเอียดรอบคอบ จากเดิมมีการเสนอไว้ทั้งหมด 8 แห่ง มีสถานที่ในรัฐนิวเม็กซิโก 5 แห่ง รัฐโคโลราโด 1 แห่ง รัฐแคลิฟอร์เนียทางตอนใต้ 1 แห่ง และเท็กซัสอีก 1 แห่ง สถานที่ทั้งหมดนี้ได้รับการสำรวจทั้งโดยทางบกและทางอากาศ

ในที่สุดก็มาลงตัวที่ทรินิตี้ไซต์ในทะเลทรายฆอร์นาดา เดล มูเอร์โตในรัฐนิวเม็กซิโก ด้วยเหตุผลที่ว่าพื้นที่บริเวณนี้ห่างไกลจากเมืองและบริเวณที่มีผู้คนอาศัย เป็นพื้นที่ราบ และไม่ค่อยมีลมพัดมากนัก

น่ารู้ด้วยว่า ชื่อทะเลทรายฆอร์นาดา เดล มูเอร์โต (Jornada del Muerto) เป็นภาษาสเปน แปลว่า “การเดินทางของคนตาย” คำนี้วงร็อก Linkin Park นำไปใช้เป็นชื่อเพลงในอัลบั้ม A Thousand Suns ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ได้รวบรวมแนวคิดที่เกี่ยวกับความกลัวของมนุษย์ เช่น สงครามนิวเคลียร์

วันที่ทำการทดสอบคือ 16 กรกฏาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) เวลาประมาณตี 5 ครึ่ง ก็มีเหตุผลเช่นกัน คือ จริงๆ แล้วทีมนักอุตุนิยมวิทยาของโครงการระบุว่าช่วงที่สภาพอากาศเหมาะสมที่สุดอยู่ระหว่างวันที่ 18-21 กรกฎาคม

แต่เนื่องจากจะมีการจัดประชุมพ็อตซ์ดัม (Potsdam Conference) เริ่มต้นวันที่ 17 กรกฎาคม และประธานาธิบดีแฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S. Truman) จึงต้องการให้การทดสอบระเบิดอะตอมเสร็จสิ้นก่อนที่การประชุมนี้จะเริ่มต้นขึ้น

การประชุมพ็อตซ์ดัมเป็นการประชุมของฝ่ายสัมพันธมิตรสามประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพโซเวียต ซึ่งจัดขึ้นที่ตำหนักของเจ้าชายวิลเฮล์มในเมืองพ็อตซ์ดัม เยอรมนี ในช่วงวันที่ 17 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม ค.ศ.1945 มีจุดประสงค์คือเพื่อหารือในประเด็นต่างๆ เช่น การทำให้เยอรมนีปลอดทหาร การฟื้นฟูเยอรมนี การชดใช้ค่าเสียหาย และการฟ้องร้องต่อบรรดาอาชญากรสงคราม ทั้งนี้เนื่องจากนาซีเยอรมนียอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขไปตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1945 แล้ว

ส่วนญี่ปุ่นนั้นแม้จะถูกโดดเดี่ยวแต่ก็ยังสู้ต่อ จนกระทั่งอเมริกาทิ้งระเบิดอะตอม 2 ลูกที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ รวมทั้งกองทัพแดงแห่งสหภาพโซเวียตบุกแมนจูเรีย (ซึ่งในขณะนั้นเป็นรัฐหุ่นเชิดของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เรียกว่าแมนจูกัว) เริ่มวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 ทำให้ญี่ปุ่นยอมจำนนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1945 ปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองอย่างสมบูรณ์

ภาพถ่ายทางอากาศแสดงลักษณะพื้นที่หลังการระเบิด
ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/Trinity_(nuclear_test)

ย้อนกลับมาที่การทดสอบระเบิดอะตอมที่ทรินิตี้ไซต์อีกครั้ง…

ก่อนการทดสอบจะเริ่มได้ก็มีอุปสรรคเกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น เดิมทีกำหนดว่าจะเริ่มต้นเวลาตี 4 เป๊ะ แต่พายุฝนฟ้าคะนองก็ทำให้ต้องเลื่อนเวลาออกไป ทีมย่อยด้านอุตุนิยมวิทยานำโดย เจ.เอ็ม. ฮับบาร์ด (J.M.Hubbard) ระบุว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 05:00-06:00 น. เท่านั้น

ตรงนี้มีเกร็ดเรื่องเล่าอันโด่งดังระบุว่า นายพลโกรฟส์ ผู้อำนวยการโครงการแมนแฮตตัน พูดกับฮับบาร์ดว่า “ผมจะแขวนคอคุณ” หากทีมงานอุตุนิยมวิทยาทำนายผิด

ระเบิดทดสอบซึ่งเรียกว่า Gadget ถูกแขวนอยู่บนหอคอยซึ่งสูงประมาณ 165 ฟุต (50 เมตร) ระเบิดลูกนี้ใช้ธาตุพลูโตเนียม และมีกลไกการจุดระเบิดโดยใช้อิมโพลชั่น (implosion) กล่าวคือ ใช้แรงระเบิดจากวัตถุระเบิดธรรมดาบีบอัดแกนพลูโตเนียมจากทุกทางจนมีความหนาแน่นสูงขึ้น ทำให้ขนาดของค่ามวลวิกฤตลดลง ผลก็คือมวลที่มีอยู่มีค่าเกินขนาดวิกฤต และเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างมหาศาล

เวลา 5 นาฬิกา 29 นาที 45 วินาที ของวันที่ 16 กรกฏาคม ค.ศ.1945 ระเบิดทดสอบ Gadget ถูกจุดชนวน!

ประมาณกันว่าระเบิดลูกนี้มีความรุนแรงเท่ากับระเบิด TNT หนัก 25,000 ตัน ปลดปล่อยพลังงานออกมาราว 100 ล้านล้านจูล

แสงสว่างที่เกิดขึ้นได้ทำให้ภูเขาและบริเวณโดยรอบ “สว่างกว่าเวลากลางวัน” ราว 1-2 วินาที สีของแสงเปลี่ยนจากม่วงไปเป็นเขียวแล้วกลายเป็นสีขาว

ผู้สังเกตการณ์และช่างภาพกระจายตัวอยู่ที่ตำแหน่งต่างๆ ห่างไกลออกไปจากจุดระเบิด ทั้งนี้ ผู้สังเกตระดับวีไอพีซึ่งมี 10 คน (และหนึ่งในนั้นคือ ออปเพนไฮเมอร์) อยู่ห่างจากจุดระเบิดราว 20 ไมล์ หรือ 32 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

หนังสือ ‘สุกสว่างพ่างเพี้ยงสุริยันกว่าพันดวง’ ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระเบิดอะตอมระบุไว้ในหน้า 188-189 ว่า

“ขณะที่คนส่วนใหญ่ตะลึงจังงังด้วยความหวั่นหวาดในอำนาจของแรงระเบิด ออปเพนไฮเมอร์ยืนกอดอกพิงเสาต้นหนึ่งในห้องควบคุม สายตาของเขาเหม่อลอยไปไกล ในวินาทีนั้นข้อความตอนหนึ่งจาก ภควัทคีตา มหากาพย์อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูแว่บเข้ามาในสมองอันอึงอลด้วยความปรีดาในผลสำเร็จของสิ่งที่เกิดจากแรงผลักดันของเขา

อ้า!… ประกายโสภาสิเรืองฉาย สุริยันกว่าพันดวง
อคินนภาอุโฆษสิโชติช่วง กลอิศวร์มหิบาล”

อันเป็นการเปรียบว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์กว่าพันดวง

แท่งหิน ณ ตำแหน่งกราวด์ซีโร่
ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/Trinity_(nuclear_test)

หนังสือ ‘สุกสว่างพ่างเพี้ยงสุริยันกว่าพันดวง’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Silkworm Books เป็นหนังสือแปลโดยอาจารย์ถิรพัฒน์ วิลัยทอง และอาจารย์สดชื่น วิบูลยเสข แปลและเรียบเรียงจากฉบับภาษาอังกฤษชื่อ ‘Brighter than a Thousand Sun’ ทั้งนี้ ฉบับภาษาอังกฤษ James Cleugh ได้แปลจากต้นฉบับในภาษาเยอรมัน ชื่อ ‘Heller als tausend Sonnen’ เขียนโดย Robert Jungk มาอีกที

ข้อความเดียวกันนี้ในคัมภีร์ภควัทคีตา สำนวนแปลหนึ่งในภาษาอังกฤษเขียนว่า

‘If the radiance of a thousand suns
were to burst into the sky,
that would be like
the splendour of the Mighty One.’

ในระหว่างการระเบิด หอคอยที่ใช้แขวนลูกระเบิดถูกความร้อนสูงจัดทำให้สลายกลายเป็นไอไปในพริบตา และส่งผลให้ตำแหน่งดังกล่าวกลายเป็นหลุม หลุมนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 330 เมตร และลึกถึง 3 เมตร ส่วนควันรูปดอกเห็ดพุ่งสูงถึง 12 กิโลเมตร

รอบจุดระเบิดที่เรียกว่า กราวด์ซีโร่ (ground zero) ในรัศมี 1 กิโลเมตร เรียกได้ว่านรกก็ไม่ปาน เพราะไม่มีชีวิตใดรอดไปได้ คลื่นกระแทกที่เกิดจากการระเบิดยังแรงขนาดที่ทำให้ผู้สังเกตการณ์ซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปราว 9 กิโลเมตร ถึงกับล้มลง และคลื่นกระแทกนี้ยังสามารถรับรู้ได้ห่างออกไปถึง 160 กิโลเมตร

มีแง่มุมทางวิชาการที่น่าสนใจว่า ในอีก 2 ปีต่อมาเมื่อนิตยสาร Life ตีพิมพ์ภาพชุดที่แสดงเสี้ยววินาทีแรกของการระเบิดให้คนทั่วไปได้เห็นเป็นครั้งแรกนั้น มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งคือ เจฟฟรีย์ อินแกรม เทย์เลอร์ (Geoffrey Ingram Taylor) ใช้สมมุติฐานง่ายๆ ว่า พลังงานมหาศาลจากการระเบิดย่อมทำให้เกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลังซึ่งแผ่กระจายอย่างรวดเร็วออกไปโดยรอบ

ทั้งนี้ เทย์เลอร์ได้เดาสมการง่ายๆ ที่แสดงขนาดของคลื่นกระแทกเป็นฟังก์ชั่นของเวลา ทำให้เขาสามารถประมาณค่าพลังงานในการระเบิดออกมาได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง

เรียกว่านักฟิสิกส์คนนี้ได้ล้วงความลับทางการทหารของอเมริกา โดยใช้ข้อมูลที่ตีพิมพ์บนปกของนิตยสารสำหรับคนทั่วไป!

 

ในการทำลายครั้งมโหฬารนี้ ก็มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่เล็กๆ ด้วยเช่นกัน เพราะความร้อนจากการระเบิดได้ทำให้ทรายรอบๆ หลุมหลอมเหลว โดยเมื่อทรายหลอมเหลวเย็นตัวลงก็ได้กลายสภาพเป็นแก้วสีเขียวและกลายเป็นของสะสม เรียกว่า ทรินิไทต์ (Trinitite) โดยเรียกตามชื่อสถานที่ทดสอบนั่นเอง

ที่ตำแหน่งจุดระเบิดทุกวันนี้มีเสาหินโอบีลิสค์จารึกข้อความ (บางส่วน) ว่า “TRINITY SITE where the world’s first nuclear device exploded on July 16, 1945…” หรือ “ทรินิตี้ไซต์ สถานที่ซึ่งระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรฎาคม ค.ศ.1945” ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าจะถือได้ว่าสำคัญระดับโลก

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

สำรวจเมือง ‘จมบาดาล’
เหรียญพระสุนทรีวาณี มงคล ‘เจ้าคุณศรี (สนธิ์)’ วัดสุทัศนเทพวราราม
กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ